เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 คุณท็อปจิรายุ ผู้ร่วมก่อตั้ง Bitkub ได้เข้าร่วม งานเสวนาที่จัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยกระทรวงโทรคมนาคมและจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมมือกันจัดงานเสวนาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยจุดมุ่งหมายในการจัดงานเพื่อเพื่อผลักดันให้เมืองภูเก็ตเป็นเมืองต้นแบบ
ในการพัฒนาเพื่อสร้าง New S- Curve ให้กับระบบเศรษฐกิจ จะมีการพัฒนาทั้งในรูปแบบกายภาพและ ดิจิทัลไปอย่างพร้อมๆกัน อีกทั้งยังมีการพัฒนา Smart Solution โดยภายในงานมีการเสวนาเกี่ยวกับโซลูชั่นที่แบ่งออกเป็น 2 ภาคส่วน ซึ่งในภาคส่วนแรก จะเสวนากันในหัวข้อ “การส่งเสริมการท่องเที่ยวและ Wellness ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล” และภาคส่วนที่สองมีชื่อหัวข้อว่า “Phuket Metaverse City : เปลี่ยนการท่องเที่ยวภูเก็ตด้วยประโยชน์ของ Metaverse
เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการขับเคลื่อนครั้งสำคัญในระดับประเทศและมีหลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งภายในงานนี้ ได้รับเกียรติจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ที่ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ “พลิกโฉมท่องเที่ยวไทยโดยใช้เทคโนโลยี” เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับนโยบายในการขับเคลื่อนสู่ยุคดิจิทัล
ตามมาด้วยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยท่าน รมต.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของโลก , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งมีแผนที่จะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั้งประเทศ ไปจัดแสดงบนโลกเสมือนจริง (Metaverse) โทรคมนาคมแห่งชาติได้จัดงานเสวนาดังกล่าวขึ้นเพื่อให้แต่ละภาคส่วนได้แลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะนำผลที่ได้ไปพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ดำเนินการได้โดยเร็วและเพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมาย
ภายในงานได้รับเกียรติจากภาคเอกชน นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด ที่ได้ร่วมแสดงในความคิดเห็นในหัวข้อพิเศษใน “Transformation แบบไทยสู่สายตาประชาชนโลก” ร่วมกับ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภาประธานผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บริษัทบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิงส์ จำกัด ที่ได้ร่วมแสดงแนวคิดในในหัวข้อ “Web 3.0 โอกาสอยู่ตรงไหน อนาคตใดที่ต้องคว้าให้ทัน”
โดยนายจิรายุสได้แสดงความคิดเห็นถึงโอกาสที่ผ่านมาในยุคอินเตอร์เน็ต Web 1.0 ที่ใช้อินเตอร์เน็ตแบบโมเด็ม และ Web 2.0 ที่เกิดขึ้นเมื่อห้วง 20 ปีที่ผ่านมา ที่เป็นยุคโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายครั้งความต้องการกำกับดูแลของรัฐในหลาย ๆ ประเทศเป็นอุปสรรคในการแง่ของพัฒนา เนื่องจากเน้นออกกฎหมายควบคุมที่มากเกินไป จะกีดกันโอกาสใหม่ ๆ และทำให้หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยตกเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีมากกว่าเป็นผู้สร้างหรือให้บริการเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่ทำให้นวัตกรรมที่เกิดจากบริษัทเทคโนโลยีไปโตที่ต่างประเทศ
“และในยุค Web 3.0 เป็นยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปถึงการสร้างประสบการณ์ร่วมแบบออนไลน์ได้พัฒนาขึ้นมามีทั้ง AR (Augmented Reality) VR (Virtual Reality) MR (Mixed Reality) และ Metaverse โดยเบื้องหลังนั้นจะมีการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน คริปโทเคอร์เรนซี NFT เข้ามาเกี่ยวข้องในโลกของเมตาเวิร์สอย่างแน่นอน หากประเทศไทยและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้ศึกษาถึงคุณประโยชน์ของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องและออกนโยบายสนับสนุนก็จะสามารถสร้าง New S-Curve ทางธุรกิจ สร้างงานและรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล
อีกทั้งยังจะช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น ภูเก็ตผ่านเมตาเวิร์สที่จะทำให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้เห็นความสวยงามในมุมที่ไม่เคยเห็นมากขึ้น จนทำให้อยากเดินทางยังสถานที่จริงเพื่อเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งหากเราสามารถทำให้เมืองการท่องเที่ยวเป็นมิตรกับกลุ่มที่เป็นผู้ประกอบการสายเทคโนโลยี ผู้นิยมใช้คริปโทเคอร์เรนซีซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูง ก็จะได้นักเที่ยวคุณภาพที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น ซึ่งจะเกิดผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงเกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ ๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย”
ในส่วนของการสร้างเมืองภูเก็ตเมตาเวิร์สภาคเอกชนจะเข้ามามีบทบาทโดยทำงานสร้างหลักสูตรแบบ Open Sources เพื่อตอบโจทย์ยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว