<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Metaverse จะเข้ามาช่วยในเรื่องการศึกษาทั้งระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยได้อย่างไร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Metaverse เป็นโลกดิจิทัลที่ผู้ทำให้ผู้ที่มีส่วนร่วมนั้นสามารถใช้เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงเป็นของตัวเองได้นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่สำหรับคนทั่วโลกในการเชื่อมต่อเพื่อเข้าถึงกัน

metaverse นำเสนอวิธีการที่ดีเยี่ยมในการโต้ตอบกับคนทั่วโลกโดยที่ทุกคนจะสามารถใส่เครื่อง Visual Reality (VR) หรือใช้เว็บเบราว์เซอร์เพื่อเข้าสู่ระบบในพื้นที่เสมือนจริงและสื่อสารกับผู้อื่นแบบเห็นหน้ากัน

พูดง่าย ๆ ก็คือ metaverse นั้นเปรียบเหมือนกับการนำโลกของเราจริง ๆ มาสร้างใหม่อีกครั้งในรูปแบบเสมือนจริงซึ่งผู้ใช้งานและนักพัฒนาสามารถปรับแต่งสิ่งต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของเนื้อหาหลักของพวกเขาสามารถสร้างอะไรก็ได้ตั้งแต่โรงเรียน metaverse ไปจนถึงสนามกีฬาเสมือนจริงบนพื้นที่ที่พวกเขานั้นเป็นเจ้าของ

และด้วยความที่โลกของเรานั้นต้องเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 และภัยพิบัติอื่น ๆ โลก metaverse จึงได้มอบประสบการณ์แบบใหม่ที่มนุษย์นั้นไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนทำให้มนุษย์สามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้ในรูปแบบที่ต่างออกไป

Metaverse โอกาสทางการศึกษา

เด็กนักเรียนและครูผู้สอนนั้นสามารถเจอกันได้ผ่านเครื่อง VR โดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานที่ในชีวิตจริงฟังก์ชั่นการใช้งานดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในการศึกษาขั้นสูงได้สำหรับผู้ที่ต้องการจะใช้งาน

ลองนึกถึงภาพของห้องเรียนที่เต็มไปด้วยนักเรียนที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์นักเรียนเหล่านี้อาศัยอยู่ในทุก ๆ มุมโลกและครูของพวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตไปกับการเดินทางในการเข้าถึงพื้นที่ที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสและยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ในทางประวัติศาสตร์ให้กับตนเองได้อีกด้วย

ต้องขอบคุณ metaverse ที่ทำให้ครูและนักเรียนสามารถเจอกันได้ไม่ว่าในชีวิตจริงแล้วพวกเขาจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็ตามอีกทั้งครูยังสามารถนำความรู้จากสถานที่ที่พวกเขาได้เดินทางมาบอกกับนักเรียนได้อีกด้วย

ซึ่งครูไม่เพียงแต่จะพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังสามารถแสดงให้นักเรียนนั้นเห็นได้ในสภาพแวดล้อม 3 มิติที่เสมือนจริงอีกด้วย

การเรียนรู้และการสอนใน Metaverse

ครูสามารถเพิ่มทิวทัศน์เสมือนจริงตามแผนการสอนของพวกเขาซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กแทนที่จะมาจากหนังสือ

การการเรียนรู้และการสอนใน metaverse อาจฟังดูเหมือนแนวคิดที่ห่างไกล เป็นไปได้เฉพาะเพียงในความฝันของเราแต่สถานการณ์ที่คล้ายกันนี้มีอยู่แล้วในโลกปัจจุบันของเรา

ยกตัวอย่างเกมอย่าง Roblox ซึ่ง Roblox ช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างและแชร์โลกเสมือนจริงที่คล้ายกับเกม Minecraft และ Fortnite ในขณะที่แนวคิดการสร้างโลกนี้เดิมใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างของผู้ใช้ซึ่ง feature ก็ได้ขยายไปสู่การสร้างห้องเรียน Roblox

ห้องเรียน Roblox ประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวสำหรับนักการศึกษาและนักเรียนในการเข้าสู่ระบบและสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในสถานการณ์จริงหรือเสมือนจริง ตัวอย่างเช่น เด็ก ๆ สามารถนั่งในห้องแล็บคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนและเข้าสู่ระบบโลกเดียวกันกับครูของพวกเขา

ในกรณีนี้ครูอาจใช้โลกเสมือนจริงเพื่อแสดงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ผ่านจอคอมพิวเตอร์ แต่การสื่อสารระหว่างครูกับนักเรียนจะเกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตามประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริงของ Roblox เป็นอีกตัวอย่างที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการศึกษาของ metaverse ประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริงเกิดขึ้นนั้นมีมากกว่าล้านโลกที่ผู้ใช้สร้างขึ้นและนักเรียนจะเข้าสู่ระบบที่บ้านผ่านอุปกรณ์ของตนแทนที่จะอยู่ที่โรงเรียน

โลกเหล่านี้บางส่วนใช้การจำลองทางฟิสิกส์เพื่อสอนนักเรียนในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่มีความปลอดภัยในขณะที่บางโลกอาจจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์โดยสวมบทบาทสมมติประสบการณ์ดังกล่าวแสดงถึงรูปแบบใหม่ของการเรียนรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิต มากกว่าแค่การอ่านเจอจากในหนังสือ

แน่นอนแม้ว่าโลกของ metaverse นั้นเราสามารถเข้าสู่ระบบจากที่ไหนก็ได้ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีแต่สิ่งที่จะต่างออกไปจากโลกของความจริงนั้นก็คือบรรยากาศและอรรถรสในความรู้สึกต่าง ๆ ที่จะให้ได้ไม่เหมือนกัน

ข้อดีของการเรียนรู้ผ่าน metaverse

การเรียนรู้วิธีการใช้ VR ในโรงเรียนทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าการจำลองแบบเดิม ๆ เด็ก ๆ จะสามารถ “เยี่ยมชม” สถานที่ต่าง ๆ จากในอดีตหรือทำการทดลองที่มีความอันตรายในสภาพแวดล้อมที่เสมือนจริงได้อย่างปลอดภัย

ในขณะที่ Roblox และเกมอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันนำเสนอประสบการณ์ในการเรียนรู้ออนไลน์ที่เสมือนจริงแต่เกมเหล่านี้ขาดในสิ่งที่ metaverse นั้นสามารถให้ได้สองถึงสามอย่าง

ประการหนึ่งสภาพแวดล้อม metaverse ไม่ได้มีภาพกราฟิกแบบ Roblox, Minecraft และ Fortnite ซึ่งอาจจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากการเรียนรู้

อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมบน metaverse สามารถออกแบบให้ดูเหมือนจริงได้ นักการศึกษาจะมีขีดความสามารถในการออกแบบสภาพแวดล้อมที่น่าทึ่งและดึงดูดนักเรียนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ metaverse แบบที่พวกเขาเลือก

นอกเหนือจากการดื่มด่ำกับภาพแล้วโลก metaverse ยังทำให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพกันได้มากขึ้นอีกด้วย ชุด VR และตัวควบคุมเสมือนจริงได้รับการออกแบบให้รู้สึกเป็นธรรมชาติและสามารถจำลองมือและนิ้วได้ในขณะที่นักเรียนสวมอุปกรณ์

และอีกหนึ่งปัจจัยด้วยสภาพแวดล้อมดิจิทัลนั้นสามารถป้องกันสถานการณ์ที่อาจเกิดการสูญเสียหรือความรุนแรง เช่น การบุกรุกโรงเรียนเนื่องจากเด็ก ๆ จะถูกกระจายตัวอยู่ที่บ้านของพวกเขาแทนที่จะถูกจัดกลุ่มไว้ในพื้นที่เดียวกัน

ข้อเสียของการเรียนรู้ผ่าน metaverse

ถึงแม้ว่าข้อดีของการเรียนรู้ผ่าน metaverse นั้นจะมีอย่างไรแต่เหรียญนั้นมี 2 ด้านเสมอเมื่อมีข้อดีก็ย่อมต้องมีข้อเสีย

แม้ว่าห้องเรียนเสมือนจริงจะฟังดูยอดเยี่ยมในทางทฤษฎีแต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างเช่นกันตัวอย่างเช่น เด็กที่มีความทุพพลภาพ เช่น ปัญหาการได้ยินและการมองเห็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษซึ่งนั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นปัญหาในการรองรับเด็ก

หากเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินจากประเทศจีนต้องการเข้าเรียนในชั้นเรียน metaverse ซึ่งจัดโดยโรงเรียนในอเมริกานั่นไม่น่าเป็นไปได้ที่โรงเรียนในอเมริกาจะเต็มใจรับหรือสามารถรองรับนักเรียนเหล่านี้นี้ได้

ถ้าเป็นอย่างกรณีนี้การดูแลเด็กจะต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองไม่ใช่ของทางสภานศึกษาซึ่งถือเป็นเรื่องที่โชคร้ายเนื่องจากหากเป็นที่สถานศึกษามักจะมีการช่วยเหลือดูแลเด็กเหล่านี้

ซึ่งหากทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า metaverse สามารถเข้ามีบทบาทได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่หากเด็ก ๆ ใช้ชุด VR เพื่อทั้งการศึกษาและความบันเทิงพวกเขาต้องหมกอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้หลายชั่วโมงอาจจะทำให้พวกเขานั้นละเลยการใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงดังนั้นจึงควรจะหาจุดสมดุลของการใช้ชีวิตทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนซึ่งก็อาจจะได้หาจุดที่ลงตัวได้ค่อนข้างยาก

และในท้ายที่สุดนี้การเข้าถึง metaverse เพื่อการศึกษานั้นจะเติบโตและแพร่หลายได้ทุกครอบครัวจะต้องเข้าถึงอุปกรณ์ที่นำมาประกอบการใช้งานได้ไม่เช่นนั้นการศึกษาในรูปแบบนี้จะมีคนที่เข้าถึงเพียงไม่กี่กลุ่มและคนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะไม่สามารถเข้าถึง