Larry Fink ซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนระดับโลก BlackRock กล่าวว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ดำเนินการอยู่จะช่วยกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ เริ่มวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินแบบดั้งเดิมและสกุลเงิน Fiat
ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ BlackRock’ ผู้บริหารกล่าวถึง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวิกฤตสงคามรัสเซีย-ยูเครน และตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยการเร่งให้ สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และแคนาดาหันไปใช้มาตรการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ปากีสถาน บราซิล ได้เสนอให้ควบคุมแทนที่จะสั่งห้ามใช้โดยเด็ดขาด
ปัจจุบันหลายประเทศได้เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นสำหรับพื้นที่ของสกุลเงินดิจิทัล ท่ามกลางช่วงวิกฤตสงครามใน ซึ่ง Fink เชื่อว่าสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในทั่วโลกนี้อาจช่วยผลักดันระบบการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล
ซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์คกล่าวเสริมด้วยว่า ระบบการชำระเงินดิจิทัลทั่วโลกที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบสามารถนำมาใช้ปรับปรุงกระบวนการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ รวมถึงการลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการทุจริต นอกจากนี้เขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สกุลเงินดิจิทัลสามารถช่วยลดต้นทุนของการชำระเงินข้ามพรมแดนได้
“ระบบการชำระเงินดิจิทัลระดับโลกที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันสามารถปรับปรุงกระบวนการชำระเงินระหว่างประเทศ ในขณะที่ลดความเสี่ยงเรื่องของการฟอกเงินและการทุจริต อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการชำระเงินระหว่างประเทศได้อีกด้วย เช่น เมื่อแรงงานต่างด้าวส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวของพวกเขา”
เพื่อตอบสนองความสนใจที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า BlackRock ยังได้สำรวจ สกุลเงินดิจิทัลตัวอื่น ๆ , เหรียญ Stablecoins และ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนนี้
ที่มา : cryptopotato