<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

[บทสัมภาษณ์พิเศษ] “ทำไมถึงเลือกลงทุนในแพลตฟอร์ม Defi Forward” กับ รัตนากร แอสเซท จำกัด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่แพลตฟอร์ม Defi น้องใหม่มาแรงอย่าง Forward ได้รับเลือกให้เป็นแพลตฟอร์ม Defi ภายใต้การลงทุนของ “รัตนากรแอสเซท” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย  จนกลายเป็นกระแสฮือฮาไปนั้น ล่าสุดยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่เกิดความสงสัยและตั้งคำถามกันว่า อะไรที่ทำให้รัตนากรมั่นใจในตัวของ  Forward และอะไรคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัตนากรกล้าตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับทาง Forward ในครั้งนี้

โดยในบทความนี้ทาง SiamBlockchain จะเข้ามาเป็นตัวแทนของนักลงทุนในการไขข้อสงสัยต่าง ๆ  รวมไปถึงการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือที่ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของวงการ Defi ในประเทศไทย ซึ่งทาง SiamBlockchain เองได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ รัตนากร ถึงเหตุผลว่าทำไม Forward ถึงกลายมาเป็นแพลตฟอร์มทางเลือกในการลงทุนของบริษัท

ทั้งนี้ Siam Blockchain ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทยถึงเหตุผลสำคัญสำหรับการเข้ามาส่วนร่วมในการลงทุนกับแพลตฟอร์ม Forward 

Siam Blockchain : ทำไมรัตนากรถึงเลือกที่จะลงทุนในแพลตฟอร์ม DeFi อย่าง Forward ครับ

นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร : บริษัท รัตนากรแอสเซท บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจ้าแรกๆในประเทศไทย ที่ผันตัวมาลงทุนทางด้าน Technology โดยการก่อตั้ง Ratanakorn Technology Group เพื่อวัตถุประสงค์ในการเข้าไป ลงทุนทางด้าน Blockchain Technology, Metaverse,  Digital Asset, Cryptocurrency, และ Impact Technology อื่นๆอีกมากมาย

ประเดิมโครงการแรกโดยเป็น Co-Founder และ Lead Investor ในการร่วมมือกับ Forward Group และ  PrimeStreet Group ในการจัดตั้ง Forward Holding Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทยานแม่ (Thai Investment Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจด้านการวิจัย การพัฒนา และการลงทุนในบล็อคเชนเทคโนโลยี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทด้านบล็อคเชนที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเชียน

วิกฤตโรคระบาดโควิด 19 เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ เปลี่ยนมุมมอง เพื่อที่จะค้นหาโอกาสใหม่ๆ และทัศนคติในการใช้ชีวิต รวมไปถึงการทำธุรกิจ Blockchain Technology และนวัตกรรมด้าน Web 3.0 (Metaverse) จะมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างชุมชนแห่งโลกอนาคต โดยประเทศไทยมีความเหมาะสมที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำในการสร้างชุมชนแห่งโลกอนาคตดังกล่าวภายใต้โครงการพัฒนา

ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  (Eastern Economic Corridor: EEC)  โครงการ EEC ของประเทศไทย คือโอกาสและจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำในภูมิภาค  ทางรัตนากรแอสเซท, Forward Group และ PrimeStreet Group จึงก่อตั้ง  Forward Holding โดยแต่ละฝ่ายได้ร่วมแชร์ความเชี่ยวชาญของตน โดยที่ทางบริษัทรัตนากรแอสเซทเป็นดีเวลอปเปอร์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ของไทยรวมถึงเป็นผู้ให้เงินทุน และเอาบริษัทในเครือทั้งหมดมากกว่า 50 บริษัท มาร่วมสร้าง Ecosystem และสร้างเศรษฐศาสตร์ของโทเคน (Tokenomics) ให้กับ Forward Token ทาง Forward Group มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อคเชน และ Primestreet Group มีความเชี่ยวชาญทางด้านกลยุทธ์ในเชิงธุรกิจ (Strategic Management Consulting) การเงิน (Investment Banking) และการลงทุน (Venture Capital และ Private Equity) ภายใต้พันธกิจในการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม รวมถึงสิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้าน Impact Technology ของภูมิภาค

Siam Blockchain : ทางรัตนากรเล็งเห็นถึงโอกาสในตลาด Defi อย่างไรบ้างครับ

นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร : บริษัท รัตนากรแอสเซท เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นหนึ่งในความรับผิดชอบเพื่อช่วยในการสร้างโอกาสให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงความมั่นคงทางการเงิน และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเราต้องการแก้ปัญหาการติดกับดักรายได้ปานกลาง (middle income trap) ที่เกิดขึ้นกับประเทศที่กำลังพัฒนา รวมไปถึงประเทศไทยด้วย เราจึงเชื่อว่า โลกการเงินแบบกระจายศูนย์ หรือ Decentralized Finance (DeFi) คือ คำตอบที่จะช่วยในการแก้ปัญหาที่เราพูดถึงข้างต้น และ Forward เป็นประตูบานนั้นที่จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ถูกแก้

บริษัท รัตนากรแอสเซท มองว่า DeFi ณ ตอนนี้ยังอยู่ในเฟสเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งมีศักยภาพมากพอที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต และด้วยการเติบโตนี้จะช่วยมอบโอกาสให้กับ Forward Holding ในการสร้างโซลูชันที่จะช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนบนโลก DeFi ได้อย่างกว้างขวางผ่านแพลตฟอร์มของ Forward โดยแพลตฟอร์ม Forward ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อมอบโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางการเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอเรนซี่ โดยการก้าวเข้ามาในโลก DeFi โดย Forward จะทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใช้คนไหนถูกทิ้งไว้ข้างหลังกับโอกาสบนโลกใหม่แห่งนี้

ปัจจุบันมีธุรกิจเกิดใหม่มากมายเกิดขึ้นบนโลกของ DeFi ที่นอกเหนือไปจากบริการ ฝาก-ยืม สินทรัพย์ จึงอาจพูดได้ว่า DeFi จะเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญสำหรับระบบเศรษฐกิจยุคดิจิทัลที่คอมมูนิตี้จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยให้ DeFi สามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลและยั่งยืน

Siam Blockchain : การลงทุนใน Defi แพลตฟอร์มของ Foward จะช่วยให้ทางรัตนากรนำโมเดลนี้ไปต่อยอดธุรกิจอะไรได้บ้างครับ

นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร : ทางรัตนากรแอสเซทวางแผนที่จะนำโทเคนดิจิทัลของ Forward ไปใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจโรงงานในเครือรัตนากร, ธุรกิจด้านการเงินและการลงทุน รวมถึงธุรกิจด้านเทคโนโลยี โดย Forward จะเป็นแพลตฟอร์มหลักด้านการเงินที่จะอำนวยความสะดวกด้านการบริการจัดการทางการเงินทั้งหมดในธุรกิจของเครือรัตนากร และมอบผลประโยชน์สูงสุดในกับลูกค้าในเครือรัตนากรด้วย โดย Forward จะช่วยเป็นแพลตฟอร์มกลางที่ผู้ถือโทเคนสามารถประกอบกิจกรรมทางการเงินได้อย่างอิสระด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ ซึ่งแพลตฟอร์ม Forward จะมอบสิทธิ์ในการได้รับผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ใช้จากการมาใช้บริการในระบบนิเวศของรัตนาการแอสเเซท

Siam Blockchain : ทางรัตนากรมีมุมมองเกี่ยวกับ Defi ในอนาคตอย่างไรครับ

นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร : เทคโนโลยีบล็อกเชนและโทเคนดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีคนใช้ สกุลเงินดิจิทัลมากเท่าไร หนทางในการรักษาความมั่งคั่งก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น โลกการเงินแบบกระจายศูนย์ หรือ Decentralized Finance (DeFi) จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบใหม่บนโลกการเงินที่ไม่ใช่แค่การฝากยืมเงินผ่านทางธนาคาร อีกทั้ง Metaverse เอง ก็จะกลายเป็นประตูที่จะขยายการเติบโตของ DeFi ให้กลายเป็นโลกที่ไร้พรมแดน ทำให้สามารถเติบโตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด สุดท้ายนี้ โลกการเงินแบบรวมศูนย์ และโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ไม่ได้มีอยู่ในตำแหน่งที่เป็นคู่แข่งซึ่งกันและกัน แต่เป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมขีดจำกัดที่มีอยู่ในโลกเดิม ให้สามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้อย่างสะดวกและหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในโลกของการเงินแบบกระจายศูนย์จะมอบอิสระให้กับผู้ใช้ได้มีสิทธิ์เลือกที่จะสร้าง และจัดการความมั่นคงทางการเงินได้ด้วยตัวของผู้ใช้เอง

สรุป

จากที่ทางสยามบล็อกเชนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ทางโปรเจกต์ ตัวนักเขียนเองมองว่ากลุ่มรัตนากรมองการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ว่าสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ดีและครอบคลุมกว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะนำเอาเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้เพื่อทำให้ธุรกิจเก่าและใหม่ได้ทำงานร่วมกันโดยไปได้ไกลกว่าเดิม

จากการที่รัตนากรได้หันมาลงทุนในด้านคริปโตจะช่วยให้บริษัทสามารถทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านในหรือนอกประเทศ และท่ามกลางการแพร่ระบาดของวิกฤตโควิด-19 ทำให้กลุ่มรัตนากรยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่า การทำธุรกิจแบบเก่านั้นไม่เพียงพอ ซึ่งการเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มน้องใหม่ทางด้าน DeFi ของ Forward จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์สามารถพัฒนาไปได้ไกลและก้าวทันเทคโนโลยี

ในอนาคตรัตนากรจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหรียญโทเค็น Forward สามารถนำไปใช้ได้ในหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงต่าง ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากเหรียญได้รับการยอมรับในอนาคตผู้เขียนมีความเชื่อมั่นว่าเหรียญ Forward ที่รัตนากรได้ร่วมลงทุนจะเป็นก้าวสำคัญสำหรับตลาดคริปโตและจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับธุรกิจแบบเก่าและธุรกิจแบบที่รัตนากรสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้ที่ติ

คำเตือน : การลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่นั้นมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรตัดสินใจให้ดีก่อนการลงทุน บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์ ผู้ลงทุนไม่ควรใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในการสูญเสียใด ๆ ทุกกรณี