<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จีนกลับมาเป็นผู้นำด้านการขุดอันดับหนึ่งอีกครั้ง ในรอบหนึ่งปีหลังโดนกวาดล้างจากรัฐบาล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จีนกลับสู่การเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองคริปโตอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนจะออกมาตรการปราบปรามการเหมืองการขุดอย่างเข้มงวดเมื่อปีที่แล้ว

โดยมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการขุด bitcoin ทั่วโลกที่ได้เผยแพร่โดย Cambridge Center for Alternative Finance (CCAF) พบว่า ประเทศจีนได้กลับมาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านการขุด bitcoin ชั้นนำของโลกอีกครั้ง

จากรายงานการวิจัยพบว่า จีนได้รับความร่วมมือกับ Pool เหมืองขุด BTC.com, Poolin, ViaBTC และ Foundry เผยให้เห็นว่าตอนนี้จีนอยู่อันดับสองรองจากสหรัฐฯ เกือบหนึ่งปีหลังจากที่รัฐบาลจีนได้มีการปราบปรามกิจการหลักในประเทศ

อย่างไรก็ตามจีนได้กลับมาเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองหลักอีกครั้ง ด้วยส่วนแบ่งกำลังขุดอยู่ที่  21.1% รองลงมาคือคาซัคสถาน (13.22%), แคนาดา (6.48%) และรัสเซีย (4.66%) ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำด้วยความมั่นคงในฐานะผู้นำด้วยส่วนแบ่ง 37.84% ของกิจกรรม Hash rate ทั้งหมด

การวิจัยล่าสุดของ CCAF ชี้ว่าการดีดตัวขึ้นของอัตรา Hash rate ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันกลับไปเป็น 30.47 ครั้งต่อวินาที (EH/s) ในเดือนกันยายน 2021

“การเข้าถึงแหล่งไฟฟ้านอกระบบและการดำเนินงานขนาดเล็กที่กระจัดกระจายตามภูมิศาสตร์เป็นหนึ่งในวิธีการหลักที่นักขุดใต้ดินใช้เพื่อซ่อนการปฏิบัติงานของพวกเขาจากทางการและหลีกเลี่ยงการสั่งห้าม” บันทึกจากการวิจัยระบุ

ในเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้ว สภาแห่งรัฐของจีนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นองค์กรปกครองระดับคณะรัฐมนตรี ได้เริ่มสั่งการให้จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศเตรียมยุติการทำเหมืองโดยเด็ดขาด

หนึ่งเดือนต่อมา Qinghai ซึ่งเป็นจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ กลายเป็นเขตอำนาจศาลแห่งแรก ๆ ที่จะสั่งปิดการทำเหมือง crypto ทั้งหมด โดยที่จังหวัดอื่น ๆ เริ่มปฏิบัติตามภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนโดยอ้างถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

หลังจากนั้นไม่นาน ส่วนแบ่งอำนาจกำลังขุด bitcoin ของจีนก็ลดลงเกือบ 0% ซึ่งเป็นผลทำให้นักขุดต้องอพยพออกจากจีนและไปอยู่ในประเทศเป็นมิตรกับอุตสาหกรรมการขุดมากกว่า

“ผลกระทบของการปราบปรามของจีนคือ การกระจายตัวของอัตรา Hash rate ตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในทั่วโลก ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพัฒนาเชิงบวกสำหรับการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและหลักการกระจายอำนาจของ Bitcoin” Michel Rauchs หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของ CCAF เขียนไว้ในหมายเหตุ