การล่มสลายครั้งใหญ่ของระบบนิเวศ Terra เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้มูลค่าของตลาดคริปโตเคอเรนซีหายไปเกือบ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุน UST และ LUNA (ทั้งรายย่อย , และบริษัทด้านการลงทุน) ขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว กำลังหาวิธีที่จะเดินหน้าต่อไปหรือดำเนินคดีกับ Do Kwon CEO ของ Terra
ในโพสต์อย่างเป็นทางการเมื่อต้นสัปดาห์นี้ Delphi บริษัทด้านการลงทุนคริปโตได้ตั้งข้อสังเกตว่าความผิดพลาดของ Terra ถือเป็น “เหตุการณ์ที่หายนะที่สุด” ในอุตสาหกรรม crypto นับตั้งแต่เหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่ Mt Gox เว็บเทรด Bitcoin ที่ได้ปิดตัวลง เนื่องจากถูกแฮ็กและสูญเสียเงินทุนไปกว่า 850,000 BTC ในปี 2014
Delphi กล่าวว่า แม้บริษัทจะเป็นแฟนตัวยงของระบบนิเวศ Terra แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างของ UST และ LUNA อยู่เสมอ อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่า เงินทุนสำรองขนาดใหญ่ที่ถือโดย Luna Foundation Guard (LFG) จะสามารถป้องกันการล่มสลายในครั้งีน้ได้
“เรารู้อยู่เสมอว่ามันเป็นไปได้ และเราพยายามเน้นความเสี่ยงต่อระบบเช่นนี้ในการวิจัยและคำวิจารณ์สาธารณะของเรา แต่ความจริงก็คือเราคำนวณความเสี่ยงของเหตุการณ์ ‘’เกลียวมรณะ’ (death spiral) ผิดไป และเราสมควรแล้วที่ต้องยอมรับมัน คำวิจารณ์นั้นยุติธรรมและเรายอมรับมัน” Delphi เขียนระบุ
บริษัทด้านการลงทุนคริปโตได้ให้รายละเอียดว่าการร่วงของ Terra ส่งผลกระทบอย่างไร โดยตั้งข้อสังเกตว่ากองทุนร่วมลงทุน Delphi Ventures Master Fund ได้ซื้อ LUNA จำนวนเล็กน้อยซึ่งคิดเป็น 0.5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ในไตรมาสที่ 1 ปี 2021
ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มการถือครอง LUNA และสินทรัพย์ในระบบนิเวศของ Terra ตัวอื่น ๆ รวมถึงการลงทุนเงินมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนของ LFG เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม Delphi กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้ขาย LUNA ใด ๆ ในระหว่างวิกฤตการณ์ล่มสลายและขณะนี้บริษัทกำลังได้รับ “ความสูญเสียครั้งใหญ่”
ความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายที่สุดคือ Delphi Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของบริษัท ใช้เวลาหลายเดือนในการทำงานกับการร่วมทุนในการสร้างโปรโตคอลบน Terra, Astroport และ โดย Mars Delphi Labs ได้รับเงินทุน 30,000 LUNA และ 466,666 UST จาก Terraform Labs เพื่อสนับสนุนทำการ ซึ่งบริษัทยังคงถือเหรียญทั้งหมดอยู่
“สำหรับอนาคต หลังจากวางเดิมพันครั้งใหญ่กับ Terra และล้มเหลว เราต้องการให้แน่ใจว่าเราได้เรียนรู้บทเรียนของเราและเลือกอย่างถูกต้องว่าจะมุ่งเน้นความพยายามของเราไปที่ใด เราได้รวบรวมทีมที่มีความคิดที่เฉียบแหลมที่สุดของเราในการวิจัยและทดลอง และเราจะใช้เวลาของเราเพื่อให้แน่ใจว่าเรามีการประเมินทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดและตัดสินใจในระยะยาวอย่างถูกต้อง”
“ใครก็ตามที่รู้จักเราทั้งในฐานะธุรกิจและในฐานะปัจเจกบุคคล รู้ดีว่า เรากำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อผลักดันให้เปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายกับมามีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เรามุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคริปโตและต่อโลก เราพูดอยู่เสมอว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด ดังนั้นเราจะปล่อยให้การทำงานและความพยายามของเราพูดในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป” บริษัทกล่าวสรุป
ที่มา : cryptopotato