<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กรณีศึกษา “Pet Rock” ธุรกิจที่นำ “ก้อนหิน” มาขายเป็นสัตว์เลี้ยง แถมขายได้เงินกว่า 4.5 พันล้านบาท!!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดวิกฤตครั้งใหญ่กับตลาด Crypto หลังจากการล่มสลายของเว็บเทรดยักษ์ใหญ่อย่าง FTX, Jamie Dimon CEO ของ JPMorgan ที่ทุกคนรู้จักกันดีในฐานะนักด่า Crypto ได้ออกมากล่าวว่า “Crypto นั้นเป็นเหมือนกับแชร์ลูกโซ่ Pet Rock” ทั้งยังกล่าวด้วยว่า “ทำไมพวกเราถึงอนุญาตให้ของแบบนี้อยู่ในสังคมได้”

แม้จะกล่าวเหน็บแนม Crypto ว่าเหมือนกับธุรกิจ Pet Rock แต่ดูเหมือน Dimon นั้นไม่ได้สังเกตเห็นถึงศักยภาพในด้านการกำไรของธุรกิจก้อนหินสัตว์เลี้ยงนี้เลย เพราะ Pet Rock ราคาสูงที่สุดที่เคยถูกขายออกไปได้นั้นเคยมีราคาอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาทเลยทีเดียว !!

ในปี 1975 Pet Rock ถือเป็นจุดกำเนิดของธุรกิจ “ก้อนหินสัตว์เลี้ยง” ที่สามารถดึงดูดจินตนาการของผู้คนทั่วโลกได้นับล้าน โดยผู้สร้าง Pet Rock คือนักคิดคำโฆษณาธรรมดา ๆ ที่มีชื่อว่า Gary Dahl

กระแสความคลั่งไคล้ Pet Rock เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Dahl เผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ของเขาสู่สายตาชาวโลก โดยเขาได้นำ “ก้อนหิน” ไปขายในตลาด พร้อมโปรโมทหินก้อนนั้นว่ามันคือ “สัตว์เลี้ยงดูแลง่าย ไม่จำเป็นต้องให้อาหาร ไม่ต้องดูแลขน หรือพาไปเดินเล่น มันคือเพื่อนในอุดมคติสำหรับผู้ที่ต้องการสัตว์เลี้ยงที่ดูแลง่าย”

ทั้งนี้ผู้ซื้อ Pet Rock จะได้รับก้อนหินทรงกลมมนพร้อมกับบ้านกล่องกระดาษแข็งแสนสบาย และ “คู่มือการฝึกสัตว์เลี้ยง” โดย Pet Rock แต่ละตัวมาพร้อมกับชื่อของตัวเอง ใบรับรองการรับเลี้ยง และเตียงฟางนุ่ม ๆ ที่อยู่ในบ้านพักอันอบอุ่นของมัน

แม้ว่า Pet Rock จะเป็นวัตถุ และไม่ได้มีชีวิตจิตใจจริง ๆ แต่ Pet Rock กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และทำให้ Dahl กลายเป็นมหาเศรษฐีผู้ประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน โดย Pet Rock 1 ตัวนั้นมีต้นทุนเกือบจะเป็นศูนย์ แต่ราคาของมันอยู่ที่ตัวละ 3.95 ดอลลาร์ (ประมาณ 130 บาท) ซึ่งเรียกได้ว่าธุรกิจ Pet Rock นี้สามารถทำกำไรต่อสินค้าหนึ่งตัวได้มากถึง 13,000% เลยทีเดียว

ทำไม Pet Rock ถึงกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ?

สิ่งที่ทำให้ Pet Rock ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามนั้น คงไม่พ้นคอนเซ็ปต์ “ความเรียบง่าย” ท่ามกลางยุคสมัยชีวิตสมัยใหม่ โดย Pet Rock ถือเป็นตัวแทนของการกลับไปสู่ความเงียบสงบ มันไม่ต้องการอาหารหรือการทำความสะอาด และมันจะไม่มีวันวิ่งซนจนข้าวของพัง แต่พวกมันสามารถนำความสุขมาให้โดยปราศจากข้อผูกมัดใด ๆ ซึ่งแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ หรืออาจเรียกได้ว่า Pet Rock ใช้ประโยชน์จากความปรารถนาของมนุษย์ในด้านความต้องการเพื่อน ประกอบกับข้อผูกมัดด้านความรับผิดชอบในการดูแลบางสิ่ง

Pet Rock ทำกำไรได้เพราะอะไร?

ถึงแม้กระแสความคลั่งไคล้ Pet Rock จะจางหายลงไปมากแล้ว แต่ Pet Rock ก็ได้แสดงให้ผู้คนทั่วโลกเห็นแล้วว่าแนวคิดที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครนั้นมีศักยภาพด้านการทำกำไรมากแค่ไหน แต่นอกจากปัจจัยเรื่องแนวคิดของผลิตภัณฑ์แล้ว สิ่งที่ทำให้ Pet Rock สร้างยอดขายกว่า 1 ล้านตัวได้ในเวลาอันสั้น มีอยู่หลัก ๆ 4 ข้อด้วยกัน คือ

การตลาดแบบเจาะกลุ่มผู้บริโภค: Pet Rock ถือเป็นสินค้าที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากแนวคิดของ Pet Rock นั้นสามารถตอบสนองความสนใจหรือไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนที่ชอบสัตว์เลี้ยงได้อย่างตรงจุด

การตลาดออนไลน์: Pet Rock วางขายบนตลาดอีคอมเมิร์ซ เช่น Etsy, Shopify และ Amazon ซึ่งตลาดออนไลน์นี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ Pet Rock เข้าถึงลูกค้าที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์สุดแปลกจากทั่วทุกมุมโลกอย่างง่ายดาย

การสร้างแบรนด์และการเล่าเรื่อง: ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Gary Dahl สามารถสร้างเรื่องราวของแบรนด์ Pet Rock ได้อย่างน่าสนใจ จนสามารถยกระดับความน่าดึงดูดของสินค้าได้อย่างมหาศาล

รุ่นลิมิเต็ดและของสะสม: หลายคนคงรู้กันดีว่าสินค้ารุ่นลิมิเต็ดหรือของสะสมนั้นสามารถทำให้ผู้บริโภคพยายามตามหามาครอบครอง ซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นในลักษณะนี้สามารถผลักดันราคาได้อย่างแน่นอน ซึ่งข้อนี้ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ Pet Rock ทำกำไรได้อย่างมหาศาล

ที่มา: Flagfrog

ภาพจาก: ABC NewsGroovy HistoryEmprendedores NewsInventors Digest

บทความนี้จัดทำขึ้นด้วยการใช้ข้อมูลจาก ChatGPT ซึ่งเป็น Generative AI ที่ได้รับการฝึกฝนจากทีมพัฒนาของบริษัท OpenAI คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้