Jeffrey Neumann เป็นที่รู้จักในฐานะ “พ่อมดแห่งตลาดหุ้น” โดยเรื่องราวของเขาเริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 2002 ด้วยการปั้นพอร์ต 2,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 86,800 บาท ให้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นเงินจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,700 ล้านบาทได้สำเร็จ แม้ว่าในขณะนี้เขาจะถอนเงินบางส่วนออกไปแล้วก็ตาม
เรื่องราวการเทรดของเขาถือเป็นหนึ่งในเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับนักเทรดหุ้นทั่วโลก แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว Neumann ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จด้วยเวทมนตร์อย่างที่คนอื่นตั้งฉายาให้
Shravan Venkataraman นักวิเคราะห์จาก Futures First บริษัทผู้ให้บริการวิเคราะห์ตลาดในผลิตภัณฑ์ฟิวเจอร์สและออปชันต่าง ๆ ในสินทรัพย์ทุกประเภท ได้นำเรื่องราวของ Neumann มาบอกเล่าผ่าน Twitter พร้อมกับวิเคราะห์กลยุทธ์ที่นักเทรดคนนี้ใช้จนประสบความสำเร็จ
ดังนั้นในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงจะพาทุกคนมาส่องไปพร้อมกันว่ากลยุทธ์การเทรดของ Neumann จะเป็นอย่างไร และจะมีกลยุทธ์ไหนบ้างที่เหมาะสมกับการเทรด Crypto
1. จับตาดูเงินก้อนใหญ่
การจับตาดูธุรกรรมของเหล่าเจ้ามือเพื่อทำความเข้าใจว่าเงินจำนวนมหาศาลกำลังทำอะไรอยู่นั้น เพราะคุณจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที หากคุณรู้ว่ามีสินทรัพย์มูลค่าสูงตัวไหนบ้างที่ผู้คนจำนวนมากแห่กันเข้ามาลงทุน
2. ตอบให้ได้ว่าราคาเคลื่อนไหวอย่างไรในทางเทคนิค และทำไมราคาถึงเคลื่อนไหวแบบนั้น
นักวิเคราะห์อธิบายว่า Neumann จะดูกราฟทั้งหมดที่ราคามีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ และเขาจะพยายามหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมราคาถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จุดใดจุดหนึ่ง รวมทั้งย้อนดูกราฟว่าก่อนหน้านี้หุ้นตัวนั้น ๆ มี volume เพิ่มขึ้นหรือไม่ แล้วจากนั้นเขาจะนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อค้นหารูปแบบการเทรดที่เหมาะสมต่อไป
3. Breakouts
การ Breakouts จากเส้น trendline ระยะยาว มักนำไปสู่การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่กว่าการ Breakouts จากเส้น trendline ระยะสั้น ดังนั้น Neumann จึงดูที่เส้น trendline ของช่วง 1-5 ปี และสะสม positions เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
4. สร้างรายชื่อของประเภทสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับตนเอง
Neumann เป็นนักเทรดที่กำหนด sector list หรือ รายชื่อของประเภทสินทรัพย์ ของตัวเขาเอง เนื่องจาก หลาย ๆ sector ไม่ได้มีการจัดประเภท และจัดประเภทอย่างกว้าง ๆ แทนที่จะกำหนดอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น ลิเธียม, พลังงาน Alt, หุ่นยนต์, ความปลอดภัย, การทดสอบทางพันธุกรรม, อุปกรณ์สวมใส่, การพิมพ์ 3 มิติ เป็นต้น
5. การย้าย sector ที่แข็งแกร่ง
การย้าย sector ที่แข็งแกร่งนั้น ต้องการปัจจัย 3 สิ่งต่อไปนี้ ได้แก่ ตัวเร่งปฏิกิริยาที่แข็งแกร่ง, วันที่แน่นอนที่จะเกิดตัวเร่งนั้น และการวาง position ทางเทคนิคบนกราฟราคา
ตัวอย่างเช่น มีการเทรดครั้งหนึ่งของ Neumann ที่เขาสังเกตเห็นว่า รัฐบาลมีการออกกฎหมายเพิ่มปริมาณเอทานอลที่ผสมในน้ำมันเบนซินจาก 1% เป็น 5% โดยในขณะนั้นผู้คนพูดกันว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่” แต่ Neumann กล่าวว่าเขาตระหนักได้ทันทีว่าเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ดังนั้นเขาจึงซื้อหุ้นเอทานอลเพิ่ม
“ผมคิดว่าผมทำเงินได้มากขึ้นจากการเทรดแบบนี้ในสองสัปดาห์ มากกว่าที่ผมทำได้จากการเทรดทั้งหมดจนถึงจุดนั้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพลังของการที่ sector เคลื่อนที่ด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาที่แข็งแกร่งและวันที่ที่กำหนดของตัวเร่งนั้น ผมรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการเทรดที่คุณสามารถทำได้อย่างมั่นใจได้ว่าจะประสบความสำเร็จ” Neumann กล่าว
6. เก็บข้อมูลให้รอบด้าน
เมื่อเริ่มค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับพื้นฐานของสินทรัพย์ตัวหนึ่ง ให้สำรวจทุกสิ่งเท่าที่จะสามารถทำได้ เช่น เข้าร่วมการประชุมเกี่ยวกับสินทรัพย์นั้น, อ่านรายงานงบประจำปีล่าสุดของทุกบริษัท, ฟังเสียงเรียกร้องของผู้ถือหุ้นตัวนั้น เป็นต้น ทั้งนี้ Neumann กล่าวว่าการศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์นั้น ๆ อย่างเพียงพอจะช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินได้อย่างรอบคอบขึ้นว่าควรเปิด position ในสินทรัพย์ตัวนั้นดีหรือไม่
7. ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอาจทำกำไรได้มากกว่าที่คิด
Neumann แนะนำให้ลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เปิดตัวในตลาดตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากเราจะสามารถนึกภาพอนาคตสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ก็ต่อเมื่อได้ลองทำความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
“ผมจำปีไม่ได้ แต่ผมเคยซื้อเครื่องสแกนไบโอเมตริกที่เสียบเข้ากับแล็ปท็อป และมันก็ทำให้ผมสามารถเข้าสู่ระบบด้วยลายนิ้วมือของผม… ผมคิดว่า ‘นี่มันเยี่ยมมาก ทำไมโทรศัพท์ของผมถึงไม่มีความสามารถนี้’ หลายปีต่อมา ผมจึงเริ่มดูหุ้นของ AuthenTec ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีเซนเซอร์ไบโอเมตริก”
“เมื่อผมได้สัญญาณการ breakout แนวโน้มขาลง ผมก็ซื้อบางส่วน และเมื่อราคาเริ่มสูงขึ้น ผมก็เพิ่ม position ของผมขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้น AuthenTec ก็ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Samsung ผมจึงนำเงินเข้าไปลงในหุ้นตัวนี้ทั้งหมด จนผมมีหุ้นตัวนี้มากกว่าหนึ่งในสามของพอร์ต”
8. เทคนิคการออกจาก position
เมื่อราคาสินทรัพย์เริ่มขยับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักเทรดก็มักจะตื่นเต้น และเมื่อสินทรัพย์เริ่มมีสภาพคล่องมากขึ้นจากการมีประโคมข่าวจากหลายสำนัก Neumann แนะนำว่าจุดนี้คือ ช่วงเวลาที่คุณควรจะเริ่มล็อกผลกำไรบางส่วน และเริ่มปรับขนาด position ของตนเอง
นอกจากนี้เขายังเสริมด้วยว่า เมื่อไรก็ตามที่สินทรัพย์ตัวหนึ่งเริ่มมีผู้คนกล่าวถึงในโซเชียลมีเดีย จะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูงสุด
“เมื่อทุกคนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ คุณจะไม่มีข้อได้เปรียบอีกต่อไป ดังนั้นคุณสามารถใช้จุด trendline break เป็นสัญญาณเฝ้าระวัง”
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสินทรัพย์ที่เป็นผู้นำตลาดร่วงทะลุเส้นแนวโน้มขาขึ้น Neumann กล่าวว่า “คุณต้องเริ่มออกจากทุกสิ่ง แม้ว่าจะยังถือหุ้นเล็ก ๆ บางตัวอยู่”
Neumann อธิบายเพิ่มเติมว่า ถ้าหากเรากำลังเปิด position อยู่ แล้วราคาสินทรัพย์เริ่มแสดงพฤติกรรมนอกเหนือความคาดหมายของเราแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องออกจาก position ทันที โดย Neumann กล่าวว่าสัญญาณที่บอกว่าเราต้องออกจาก position แล้ว มีอยู่ 3 แบบด้วยกัน คือ ราคาหุ้นเริ่มร่วงลงแทนที่จะเป็นขึ้น, สภาพคล่องลดลง และคำสั่งซื้อจำนวนมากกำลัง hitting the bids
“หรือสัญญาณอย่างอื่นที่แสดงให้ว่าทฤษฎีของคุณไม่เป็นจริงอีกต่อไป ก็ให้เริ่มตัด position นั้นทิ้งได้เลย” Neumann กล่าว
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในฐานะนักเทรด อย่างไรก็ตาม เทคนิคการเทรดของ Jeffrey Neumann อาจไม่ใช่เทคนิคที่เหมาะสมกับนักเทรดคนอื่นเสมอไป ทั้งนี้ทั้งนั้นการติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงศึกษาค้นคว้าหาสิ่งที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเราเอง ก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน
ที่กล่าวมาในบทความนี้เป็นเพียงเทคนิคส่วนหนึ่งของ Neumann ที่ Shravan Venkataraman วิเคราะห์ไว้เท่านั้น ถ้าหากใครสนใจศึกษาเทคนิคของนักเทรดคนนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ rattibha
ที่มา: Shravan Venkataraman