เชื่อว่าทุกคนในโลกของสกุลเงินดิจิทัลนั้นชื่นชอบ Bitcoin (BTC) แต่แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทุ่มเททุกย่างก้าวของชีวิตให้ Bitcoin เหมือนกับ Michael Saylor CEO ของบริษัทเทคโนโลยี MicroStrategy
Michael Saylor ถือเป็นบุคคลสำคัญในชุมชน Bitcoin โดยเขาเป็นที่รู้จักจากความเชื่อมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงในศักยภาพของเหรียญคริปโตที่มีมูลค่ามากที่สุดเหรียญนี้ และเขาก็กล้ามากพอที่จะยกให้ Bitcoin เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถกำหนดการเติบโตของธุรกิจ ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงมักจะได้ยินข่าวว่าบริษัทของเขาทุ่มเงินซื้อ Bitcoin จำนวนมหาศาลอยู่เสมอ
มาถึงจุดนี้ มีใครสงสัยบ้างหรือไม่ว่า Saylor หาเงินก้อนโตจากที่ไหนมาทุ่มซื้อ Bitcoin? ดังนั้นในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงจะพาทุกคนมาดูไปพร้อมกันว่า Saylor มีกลยุทธ์และวิธีการจัดหาเงินทุนอย่างไรบ้าง
การระดมทุนด้วยหุ้นกู้ของบริษัท MicroStrategy:
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในวิธีการหลักที่ Michael Saylor ใช้ในการซื้อ Bitcoin ของเขาคือ การออกหุ้นกู้ โดยในปี 2020 บริษัท MicroStrategy ได้ดำเนินการออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิแปลงสภาพ (convertible senior notes) รวมมูลค่ากว่า 650 ล้านดอลลาร์ เพื่อระดมทุนจากนักลงทุนสถาบัน แล้วนำเงินที่ได้จากการระดมทุนก้อนนั้นไปซื้อ Bitcoin จนในที่สุดบริษัท MicroStrategy ก็ได้กลายเป็นบริษัทมหาชนแห่งแรกที่เงินส่วนใหญ่ในคลังสำรองเต็มไปด้วย Bitcoin ในเดือนสิงหาคมปีนั้น
ต่อมาในเดือนธันวาคม 2020 บริษัท MicroStrategy ได้ประกาศเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิแปลงสภาพรวมมูลค่า 650 ล้านดอลลาร์ต่อประชาชนทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่ารายได้จากการเสนอขายนี้ถูกนำไปใช้เป็นทุนในการซื้อ Bitcoin ต่อไป โดยบริษัท MicroStrategy ให้เหตุผลว่า “เพื่อเป็นการเสนอโอกาสให้นักลงทุนมีส่วนร่วมในการเพิ่มมูลค่าของ Bitcoin”
นอกจากการออกหุ้นกู้แล้ว Saylor ยังใช้ประโยชน์จากการเสนอขายหุ้นและการขายพันธบัตรเพื่อระดมทุนไปซื้อ Bitcoin อีกด้วย
สินเชื่อที่ค้ำด้วย Bitcoin:
อีกวิธีที่ Saylor ใช้เพื่อหาเงินมาซื้อ Bitcoin ก็คือ การออกสินเชื่อที่ค้ำประกันด้วย Bitcoin (Bitcoin-Backed Loans) โดย Saylor จะนำสินทรัพย์ Bitcoin ที่มีอยู่ไปใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมสินเชื่อมาซื้อ Bitcoin เพิ่ม ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการขาย Bitcoin ที่กำลังถืออยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เขามี Bitcoin เพิ่มมากขึ้น
สินเชื่อที่ค้ำด้วย Bitcoin ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในปัจจุบัน สถาบันการเงินหลายแห่งได้มีการเสนอทางเลือกนี้แก่นักลงทุนคริปโตรายย่อยด้วยเช่นกัน
กระแสเงินสดและผลกำไรของบริษัท:
ในฐานะ CEO ของบริษัท MicroStrategy ผู้คลั่งไคล้ Bitcoin เขาสามารถนำกระแสเงินสดและผลกำไรของบริษัทไปใช้ในการซื้อ Bitcoin ได้ ทั้งนี้การที่ Saylor ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางการเงินของบริษัท ส่งผลให้เขาสามารถจัดสรรผลกำไรส่วนหนึ่งให้กับการลงทุน Bitcoin ได้
เงินลงทุนส่วนบุคคล:
ในขณะที่บริษัท MicroStrategy มีบทบาทสำคัญในการจัดหาเงินทุนเพื่อซื้อ Bitcoin ของ Saylor แต่ขณะเดียวกันก็เป็นที่น่าสังเกตว่า เขานำเงินส่วนตัวไปลงทุนใน Bitcoin เพิ่มอีกด้วย โดย Saylor มักจะเสียสละทรัพย์สินส่วนตัวของเขาเพื่อซื้อ Bitcoin เก็บสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่เสมอ รวมไปถึงการปรับวิธีบริหารเงินของตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เกี่ยวกับศักยภาพของ Bitcoin
บทสรุป:
ความสามารถของ Michael Saylor ในการจัดหาเงินทุนเพื่อซื้อ Bitcoin เป็นข้อพิสูจน์ถึงกลยุทธ์และวิธีการทางการเงินของเขาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขายหุ้นกู้ สินเชื่อที่ค้ำประกันด้วย Bitcoin หรือแม้กระทั่งการนำกระแสเงินสดของบริษัทและการเงินส่วนตัวไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เขารัก
ปัจจุบัน Saylor และบริษัทของเขานับเป็นผู้ที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลก อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่จุดหมายปลายทางของเขา เพราะเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Saylor เพิ่งกล่าวว่า เขาจะเดินหน้าซื้อ Bitcoin ต่อไป
บทความนี้จัดทำขึ้นด้วยการใช้ข้อมูลจาก ChatGPT ซึ่งเป็น Generative AI ที่ได้รับการฝึกฝนจากทีมพัฒนาของบริษัท OpenAI คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้