<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนในตำนาน Jim Rogers เตือนว่าวิกฤตการเงินโลกที่ร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ข้อมูลจากนาย Jim Rogers ได้ระบุว่า หนี้ของประเทศที่พุ่งสูงขึ้นจนมีมูลค่าสูงถึง 32.47 ล้านล้านดอลลาร์ จะส่งผลให้เกิดปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

“ในทศวรรษที่ 1970-1980 ครั้งสุดท้ายที่เราเจอปัญหาแบบนี้คือ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลพุ่งไปที่ 21% เพราะอัตราเงินเฟ้อเลวร้ายมา”

“ในปี 1980 สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศเจ้าหนี้ ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก และแม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะยังโอเค แต่มันจะไม่คงอยู่ตลอดไป”

“ใครบางคนต้องจ่ายหนี้นี้ มีคนต้องพิมพ์เงินเพิ่ม ต้องมีคนยืมเงินเพิ่ม และเมื่อคุณยืมเงินจำนวนมาก อัตราดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เงินเฟ้อก็จะสูงขึ้นเพราะมีการพิมพ์เงินออกมา”

นาย Jim Rogers ได้เตือนว่าระดับหนี้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของประเทศจะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งต่อไป และมันจะเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา

“เราเคยมีปัญหาในปี 2008 ผมอยากจะบอกคุณว่าครั้งต่อไปที่เจอปัญหา มันจะเป็นวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดของในชีวิตของทั้งคุณและผม ในปี 2008 เราเจอปัญหาใหม่เพราะมีหนี้สินมากเกินไป ทำให้ในปี 2009 หนี้ทุกที่พุ่งสูงขึ้น ดังนั้นวิกฤตการเงินครั้งต่อไปต้องหนักหนาสาหัสมาก เพราะหนี้ก้อนนี้มันเยอะมาก”

นาย Rogers ยังกล่าวด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐ และ Fed จะไม่สามารถรับมือกับวิกฤตครั้งต่อไปได้

“สิ่งที่พวกเขารู็คือการพิมพ์เงิน พวกเขาก็จะพิมพ์เงิน พวกเขาอาจจะเข้ามาควบมากขึ้น แล้วก็จะเข้ามาควบคุมทุกอย่างมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่พวกเขาชอบทำมาโดยตลอด ซึ่งมักจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงในที่สุด และพวกรู้แค่ว่าพวกเขาต้องทำ”

สำนักงานงบประมาณรัฐสภาหรือ CBO ได้เผยแพร่รายงานที่คาดการณ์ว่าหนี้ของประเทศจะแซงหน้า GDP ของประเทศในปี 30 ปีข้างหน้า โดยสำนักงานงบประมาณรัฐสภาได้คาดการณ์ว่าหนี้ของประเทศสหรัฐอเมริกาจะพุ่งสูงถึง 143.895 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2053 ซึ่งเกือบ 3 เท่าของ GDP ของประเทศ


Source: DailyHodl