ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวรั่วไหลออกมาว่ามีเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกากำลังพิจารณาข้อหาฉ้อโกงโดยมุ่งเป้าหมายไปที่ Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดเงินคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ต่างกังวลว่าอาจทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีล่มสลายคล้ายกับในกรณีของ FTX ในเดือนพฤศจิกายน 2565
แต่ความกังวลนี้ก็ไม่ได้ทำให้ SEC (U.S. Securities and Exchange Commission) คิดที่จะเรียกเก็บเงินกับทาง Binance โดยทำการกล่าวหา CEO ของ Binance อย่าง Changpeng CZ Zhao ที่อนุญาตให้ชาวอเมริกันใช้สินค้าที่ไม่ได้รับการอนุญาต การผูกขาดประมาณการซื้อขายด้วยสภาพคล่อง ที่ทาง CZ เป็นคนควบคุม
โดย ณ เวลาที่เขียน Binance มีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงระยะเวลาเพียง 24 ที่ผ่านมา กลับกันในทางของ Coinbase มีเงินหมุนเวียนเพียงแค่ 970 ล้านดอลลาร์ และ KuCoin ซึ่งแพลตฟอร์มคริปโตชื่อดีมีเงินหมุนเวียนลดลงเหลือเพียงแค่ 350 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
แต่ในตลาดที่ผันผวนเช่นนี้ ก็มีการตั้งคำถามกลับว่า ธนาคารกลางจะสามารถทำให้เศรษฐกิจโลกนั้นเบาลงได้หรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากกระทรวงยุติธรรมได้ลงดาบกับทาง Binance โดยในเรื่องนี้ก็ได้มีคนหลายคนออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
โดยคนหลายๆ คนมองว่า จะเกิดผลกระทบต่อตลาดคริปโตเคอเรนซี่เป็นอย่างมาก โดยอาจจะทำให้ราคาของเหรียญคริปโตต่างๆ ร่วงลงได้ แต่จะไม่มีผลต่อตลาดในระยะยาวมากนัก ถ้ากระทรวงยุติธรรมออกมาเรียกเก็บเงินกับทาง Binance จริงๆ
ก็ต้องมาจับตากันว่า ทาง Binance จะทำอย่างไร ถ้าหากว่าภาครัฐเลือกที่จะเดินเกมแบบนี้จริงๆ
ที่มา: CoinTelegraph