เมื่อวันอังคารที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้ร่วมกล่าวถึงมุมมองเกี่ยวกับ “เรื่องเร่งด่วนที่สุดที่อยากให้รัฐบาลใหม่แก้ไข” บนเวทีในงาน AI Revolution.. AI : เปลี่ยนโลกธุรกิจ ทั้งนี้ปัญหาที่คุณท๊อปต้องการให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุดนั้น มีอยู่ 4 ประเด็นด้วยกัน ดังนี้
กฎหมาย Digital Assets และ Token
ตามมุมมองของคุณท๊อป ปัญหาเร่งด่วนประการแรกที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไข คือ กฎหมาย Digital Assets และ Token โดยคุณท๊อปเสนอว่ากฎหมายทั้งสองควรมีความสอดคล้องกัน และเป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้มี Global collaboration สร้างโอกาสใหม่ ๆ ด้านการลงทุน และเกิดการจ้างงานมากขึ้น
หนี้ครัวเรือน
ปัญหาเร่งด่วนถัดมาที่คุณท๊อปมองว่ารัฐบาลควรดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน (National Assembly Library of Thailand) โดยคุณท๊อปได้ให้เหตุผลไว้ดังนี้
“ในระยะสั้น ผมกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือน เพราะตอนนี้หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเราเลย เกิน 90% ของ GDP แล้ว กลัวว่าเราจะคุมหนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้ ถ้ามันระเบิด เศรษฐกิจอาจจะถดถอยเป็นระยะเวลานาน เป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ด่วน”
กระทรวงดิจิทัลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับประเด็นนี้ถือเป็นการดำเนินงานในระยะยาวที่คุณท๊อปมองว่ารัฐบาลควรดำเนินการ โดยคุณท๊อปเสนอให้รัฐบาลผลักดันทั้งสองกระทรวงให้เป็นกระทรวงเกรด A เพื่อให้ทั้งสองกระทรวงนี้ช่วยดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศไทย และเพื่อให้ไทยเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกับโลก
“ระยะยาว ผมอยากให้รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญของกระทรวงดิจิทัลกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยผลักดันให้ 2 กระทรวงนี้เป็นกระทรวงเกรด A เพื่อที่จะได้ปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ ตามทิศทางที่โลกกำลังขยับเขยื้อน”
“ควรจะมี policy ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก เพื่อให้เป็น 2 กระทรวงที่ดึงเม็ดเงินใหม่ ๆ ให้ไหลเข้ามาในอาเซียน และหวังว่าจะไหลเข้ามาในเมืองไทย ให้ไทยกลายเป็น Hub ของอาเซียน พอมันมี 2 กระทรวงนี้เป็นกระทรวงนำที่พูดภาษาเดียวกับทิศทางของโลก ไทยก็จะไปในทิศทางเดียวกับโลกได้” คุณท๊อปกล่าว
Digital – Green – Revolution
คำว่า “Digital” “Green” และ “Revolution” ถือเป็น 3 คีย์เวิร์ดสำคัญที่สื่อถึงทิศทางของโลกในปัจจุบัน ดังนั้นคุณท๊อปจึงเสนอว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ โดยให้เหตุผลไว้ว่า
“Digital ก็คือเศรษฐกิจดิจิทัล ตอนนี้เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนขึ้นไปถึง 44% ของ GDP ของเขาแล้ว เพราะฉะนั้นเมืองไทยต้องเหมือนกัน ในอนาคตเราก็ต้องเดินตาม อีกหน่อยเศรษฐกิจดิจิทัลเมืองไทยก็ต้องใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ และก็จะเป็น S-Curve ใหม่ของประเทศ”
“เช่นเดียวกันกับคำว่า Green อีกหน่อยเราต้องศึกษาเรื่องของ Green Supply Chain (ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน) การเปลี่ยนกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำให้มัน Net-Zero ให้มัน Carbon Natural ไม่อย่างนั้นเราจะโดนตัดขาดจาก Global GDP ถ้าเราไม่เปลี่ยนตอนนี้ ผมกลัวว่าอีกหน่อยเราจะเปลี่ยนไม่ทัน” คุณท๊อปกล่าว
หลังจากที่รัฐสภาไทยได้ลงมติให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะนี้ชาวไทยเกือบทั้งประเทศต่างก็กำลังเฝ้าจับตาดูการดำเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่าข้อเสนอจากหนึ่งใน CEO แถวหน้าของไทยอย่างคุณท๊อป จิรายุส จะถูกนำไปพิจารณาปรับใช้ในนโยบายของรัฐบาลใหม่หรือไม่