ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า “นักลงทุนมืออาชีพ” คือผู้ที่ประกอบอาชีพลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อแสวงหาผลตอบแทน โดยอาจลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโต ซึ่งอาชีพนี้ถือเป็นงานในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่มีเครื่องแบบ ไม่ถูกหักเงินเพราะลางาน แถมมีโอกาสทำเงินได้มากกว่าค่าจ้างที่ถูกกำหนดไว้ตายตัว
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญของการเป็นนักลงทุนมืออาชีพ คือ ต้องมีความรู้ด้านการลงทุน มีความเข้าใจด้านกลไกตลาด มีการจัดการความเสี่ยง มีความรอบคอบ มีความอดทน และที่สำคัญที่สุดคือต้อง “มีเงินทุน” แต่เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าว่าการเดินบนเส้นทางของนักลงทุนมืออาชีพนั้น จำเป็นต้องมีเงินทุนเท่าไร?
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังขยายตัวในเกณฑ์ดี ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กูรูไทยผู้สนับสนุนแนวคิดการลงทุนแบบ VI ได้เขียนบทความที่มีชื่อว่า “ความฝันของคนกินเงินเดือน” ให้กับเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ โดยในบทความนั้น ดร.นิเวศน์ได้กล่าวไว้ดังนี้
“นักลงทุน ‘ผู้มุ่งมั่น’ ที่ประสบความสำเร็จในช่วงประมาณเกือบ 10 ปีที่ผ่านมานั้น รวมถึงนักลงทุนหน้าใหม่ที่กำลัง ‘อิน’ หรือสนใจและศึกษาการลงทุนอย่างจริงจังในช่วงเร็ว ๆ นี้ ต่างก็มักจะมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนในหุ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่องยาวนานจนถึงจุดที่ตนเอง ‘มีอิสรภาพทางการเงิน’ และสามารถลาออกจากงานประจำในฐานะ ‘คนกินเงินเดือน’ หรือการเป็นลูกจ้างของบริษัทหรือองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่”
“‘อิสรภาพทางการเงิน’ ในความหมายที่เป็นที่ยอมรับก็คือ การที่เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามปกติ โดยอาศัยแต่รายได้จากการลงทุนและเงินลงทุนเพียงอย่างเดียวไปตลอดชีวิตโดยที่มีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดน้อย ผมเองเคยให้นิยามว่าเราควรจะต้องมีเงินอย่างน้อยเท่ากับ 200 เท่าของรายจ่ายประจำเดือนโดยเฉลี่ย และเงินนั้นจะต้องถูกลงทุนในจุดที่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการที่จะมักจะต้องลงทุนในหุ้นเป็นหลักตลอดไป”
“พูดง่าย ๆ ถ้าเราต้องการใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท เราต้องมีพอร์ตหุ้นหรือพอร์ตลงทุนอย่างน้อย 4 ล้านบาท ถ้าต้องการเดือนละ 100,000 บาท ก็ต้องมีเงิน 20 ล้านบาทขึ้นไป”
ตามมุมมองของดร.นิเวศน์ “นักลงทุนมืออาชีพควรมีเงินต้นอย่างน้อย 200 เท่าของรายจ่ายประจำเดือนโดยเฉลี่ย” เป็นหลักการที่นักลงทุนมืออาชีพหลายคนใช้กัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะสามารถรักษาเงินต้นและสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว โดยหลักการนี้มาจากแนวคิดที่ว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นนักลงทุนมืออาชีพจึงควรมีเงินต้นมากเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ตลาดหุ้นตกต่ำ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ต้องถอนเงินลงทุนออกมาใช้
หากมองในมุมมองด้านการลงทุนคริปโต ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ตลาดมีความผันผวนมากกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ อีกทั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนก็มีปรากฏให้เห็นกันมาแล้วหลายครั้ง การพิจารณาปรับใช้แนวคิดดังกล่าวของดร.นิเวศน์ ก็อาจจะถือเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งสำหรับใครที่ใฝ่ฝันจะลาออกจากงานประจำมาใช้ชีวิตอย่าง “อิสระ” ในฐานะนักลงทุนคริปโตมืออาชีพก็เป็นได้
ที่มา: ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร