เมื่อ 14 ปีที่แล้ว Kristoffer Koch ชายชาวนอร์เวย์วัย 25 ปี ไม่เคยเชื่อว่า Bitcoin (BTC) จะมีอนาคตที่สดใส แต่หลังจากที่เขาได้อ่านบทความของ Satoshi Nakamoto เขาก็ตัดสินใจซื้อ Bitcoin มา 5,000 BTC ทว่าในอีก 4 ปีต่อมา การตัดสินใจดังกล่าวกลับส่งผลให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล เขาสามารถซื้ออพาร์ตเมนต์ ซื้อรถยนต์ ซื้อทุกอย่างเท่าที่เขาต้องการ แถมยังมีเงินเหลือด้วยซ้ำ
ในวันนี้สยามบล็อกเชนจะพาทุกคนมาย้อนรอยความสำเร็จของ Kristoffer Koch แล้วมาดูกันว่าทำไมชายคนนี้ถึงตัดสินใจซื้อเหรียญที่ไม่มีใครสนใจในปี 2009
จุดเริ่มต้น
แม้จะมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่า Kristoffer เป็นหมอดู เป็นศาสดากลับชาติมาเกิด หรืออะไรทำนองนั้น แต่ความจริงแล้วเขาเป็นเพียงวิศวกรไฟฟ้าธรรมดา ๆ และเขาก็ไม่มีพลังในการมองเห็นอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลแต่อย่างใด
Kristoffer เป็นหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกที่มีโอกาสได้ศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีคริปโตและบล็อกเชนตั้งแต่ยุคเริ่มแรก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่า Bitcoin จะกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีค่ามากที่สุดในโลก ภายในเวลาไม่ถึง 5 ปีหลังจากนั้น
ในตอนแรก แฟนสาวของเขาเตือนว่าอย่าซื้อ Bitcoin เพราะมันคือเหรียญที่ไม่มีมูลค่า แถมยังเป็นเหรียญที่ใช้ซื้ออะไรไม่ได้ แต่ในขณะที่เขากำลังเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ Kristoffer ได้มีโอกาสอ่านบทความเกี่ยวกับเครือข่าย peer-to-peer ของ Satoshi Nakamoto แล้วจากนั้นเขาก็รู้สึกประทับใจ และสนใจในเทคโนโลยีนี้เป็นอย่างมาก
ในปี 2009 1 BTC มีราคาประมาณ 0.003 ดอลลาร์เท่านั้น มันคือช่วงเวลาที่ไม่มีใครคิดเรื่องการเทรด Bitcoin ไม่มีใครกล้าเอาเงินไปลงทุนในสิ่งที่ถูกมองว่า “ไม่มีค่า” แต่ Kristoffer กลับเลือกที่จะเชื่อในมุมมองด้านเทคโนโลยีของ Satoshi เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง และตัดสินใจทุ่มเงินที่หามาอย่างยากลำบากเพื่อซื้อ 5,000 BTC โดยเขาใช้เงินไปทั้งหมด 150 โครนนอร์เวย์ (ประมาณ 27 ดอลลาร์)
Bitcoin เปลี่ยนชีวิต
ต่อมาในปี 2013 Kristoffer เห็นข่าวว่าราคาของ Bitcoin เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดดูพอร์ตการลงทุน และติดตามความเคลื่อนไหวของราคาอย่างขยันขันแข็ง อีกทั้งเขายังทุ่มเทเวลาไปกับการคิดรหัสผ่านสำหรับกระเป๋าเงินของตัวเองอีกด้วย
จนกระทั่งในวันหนึ่ง Kristoffer ก็ตัดสินใจขาย Bitcoin จำนวน 1,000 BTC ในขณะที่ Bitcoin มีมูลค่า 196 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถเปลี่ยนเงินลงทุนเริ่มต้น 27 ดอลลาร์ ให้กลายเป็น 980,000 ดอลลาร์ ในเวลาเพียง 4 ปีเท่านั้น หรือเรียกได้ว่าเขาทำกำไรไปมากถึง 3,629,529% เลยทีเดียว
หลังจากจ่ายภาษีแล้ว เขาก็ซื้ออพาร์ตเมนต์ในย่าน Tøyen เมืองออสโล พร้อมกับรถยนต์หนึ่งคัน โดยในปัจจุบัน Kristoffer ยังคงอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์อย่างเรียบง่าย และในขณะนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าอีก 4,000 BTC ที่เหลือจะยังอยู่ในกระเป๋าเงินของเขาหรือไม่ เพราะถ้าเขายังเก็บไว้อยู่ ในวันนี้เขาจะเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีคริปโตที่กำลังถือสกุลเงินดิจิทัลมูลค่าหลายล้านดอลลาร์
ที่มา: infomediang