<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ย้อนรอยเหตุการณ์ คุณตาขอถอนเงิน 6 ล้านบาท แต่ธนาคารไม่มีเงินให้ หรือ Bitcoin คือทางออก?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตามรายงานจากสื่อข่าวพีพีทีวีและอมรินทร์ทีวี เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2564 มีผู้ใช้แอปฯ TIKTOK เผยแพร่คลิปวิดีโอหนึ่งที่นำไปสู่ประเด็นดราม่าในโลกโซเชียล โดยในคลิปดังกล่าว มีคุณตาเสื้อสีขาวเดินเข้ามาในธนาคารออมสิน ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ เพื่อถอนเงินสด 6 ล้านบาท แต่ธนาคารกลับบอกว่าไม่มีเงินสดมากขนาดนั้น โดยพนักงานยืนยันว่าการถอนเงินจำนวนมากจะต้อง “แจ้งล่วงหน้า”

สำหรับประเด็นที่ถูกหยิบมาเป็นเรื่องดราม่านั้น คือผู้โพสต์คลิประบุว่าพนักงานธนาคารพูดเสียงดัง จนเหมือนตะโกน และยังไม่มีหางเสียง ทั้งที่ทำงานหน้าเคาท์เตอร์ ซึ่งเป็นงานบริการ และยังถามหลายคำถาม เห็นแล้วก็สงสารลุง

ขณะที่บางส่วนกลับมองว่า ลุงอาจจะหูตึง ทำให้พนักงานต้องพูดเสียงดัง และการที่ต้องถามคำถามเยอะ ๆ เนื่องจากลุงถอนเงินจำนวนมาก จึงต้องป้องกันการแอบอ้าง หรือหลอกใช้ให้ผู้สูงอายุมาถอนเงิน

ทั้งนี้ทางธนาคารออมสินได้ชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าในกรณีที่ลูกค้าประสงค์ถอนเงินสดจำนวนมาก จำเป็นต้องแจ้งกับธนาคารล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมเงินสด เนื่องจากแต่ละสาขาธนาคารมีการสำรองเงินสดสำหรับให้บริการลูกค้าในวงเงินที่จำกัด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีข่าวลือว่าธนาคารออมสินให้รัฐบาลกู้เงินกว่า 560,000 ล้านบาท จนทำให้ประชาชนจำนวนมากแห่กันเข้าไปถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร เพื่อต้องการเปลี่ยนธนาคารหรือเก็บเงินสดเอาไว้เอง เนื่องจากกังวลว่ารัฐบาลอาจไม่สามารถคืนเงินให้กับธนาคาร และกลัวว่าธนาคารอาจมีเงินไม่เพียงพอให้สามารถถอนเงินได้อีกในอนาคต

เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวดัง และสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนทั่วไป จนหลายคนเริ่มกังวลว่าเงินฝากในธนาคารจะปลอดภัยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พยายามออกมาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนและ  Bitcoin มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นทางออกของปัญหานี้ 

Not Your keys, Not Your Coins

Not Your keys, Not Your Coins เป็นประโยคที่มักใช้ในโลกของคริปโต เพื่อเตือนให้นักลงทุนตระหนักถึงความสำคัญของการถือครอง Private Key ของสินทรัพย์คริปโตของตน

Private Key คือ รหัสลับที่เปรียบเสมือนกุญแจใช้ในการเข้าถึงและโอนสินทรัพย์ คริปโต โดยผู้ที่ถือครอง Private Key เท่านั้นที่มีสิทธิ์ควบคุมสินทรัพย์ดังกล่าว และหาก Private Key ตกอยู่ในมือของผู้อื่น บุคคลดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงและโอนสินทรัพย์คริปโตไปได้อย่างอิสระ

เหตุการณ์ที่คุณตาขอถอนเงิน 6 ล้านบาท แต่ธนาคารไม่มีเงินให้ สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการฝากเงินในธนาคาร เช่นเดียวกัน การฝากสินทรัพย์คริปโตไว้ในแพลตฟอร์มกระดานเทรด (exchange) ก็อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์หรือถูกแพลตฟอร์มปิดตัวลงได้

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด นักลงทุนควรถือครอง Private Key ของสินทรัพย์คริปโตของตนเอง โดยใช้กระเป๋าเงินคริปโตแบบกระจายอำนาจ (decentralized  wallet) เช่น MetaMask, Trust Wallet หรือ  Ledger Nano X เนื่องจากการเก็บเงินไว้กับตัวเองในกระเป๋าเงินคริปโตแบบกระจายอำนาจ จะช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมสินทรัพย์ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ เปรียบได้กับเป็นเจ้าของธนาคาร โดยที่ไม่มีบุคคลหรือตัวกลางใดสามารถเข้าถึงเงินของคุณได้

ที่มา: pptvhd36