<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Peter Schiff เตือนหายนะตลาดหุ้นและระบบเศรษฐกิจกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในคลิปตอนล่าสุดของรายการ “The Peter Schiff Show” Peter Schiff CEO ของ Euro Pacific Capital และนักด่า  Bitcoin มาอย่างยาวนานได้ออกคำเตือนถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน 

นอกจากนี้ Schiff ยังดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งในบริษัทที่ให้บริการทางการเงินหลายแห่ง เช่น Euro Pacific Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนในกำกับของรัฐ Schiff Gold ที่เดิมชื่อว่า Euro Pacific Precious Metals ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายโลหะมีค่าและธนาคาร Euro Pacific 

จากที่ Schiff ได้กล่าวนั้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในภาวะถดถอยครั้งใหญ่ สาเหตุหลักมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่หยุดยั้ง ความคิดเห็นของเขาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯมีภาระหนี้สินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ไม่พร้อมที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับปานกลาง

จากโพสต์บนบล็อกของ SchiffGold เกี่ยวกับคลิปตอนล่าสุด Schiff ระบุอย่างชัดเจนว่าวิกฤติทางการเงินครั้งใหญ่หรือการล่มของตลาดหุ้นอาจไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความเป็นไปได้เท่านั้น แต่มันยังจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย เขาเน้นย้ำว่าไม่มีอะไรสามารถป้องกันวิกฤตินี้ได้ในระยะยาว 

ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่าง Jerome Powell อาจหยุดวิกฤตินี้ได้ชั่วคราวซึ่งสิ่งนี้บอกเป็นนัยได้จากการลดอัตราดอกเบี้ย แต่ Schiff ก็ย้ำชัดว่ามาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการต่อลมหายใจออกไปในระยะสั้นก็เท่านั้น เขาเปรียบเทียบสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันกับการยืนอยู่ที่ขอบหน้าผาโดยที่ไม่แน่ใจว่ามีเวลาเหลืออีกเท่าใดก่อนจะร่วงหล่นลงไป แต่ที่มั่นใจได้นั้นก็คือว่าการร่วงจากหน้าผานั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

Schiff กล่าวว่าหนึ่งในตัวเร่งหลักสำหรับวิกฤตการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากตลาดพันธบัตรที่ทรุดตัวลง เขาระบุว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการเงินในปี 2008 

โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเข้าใกล้ 5% สิ่งนี้น่าตกใจอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับหนี้ของประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2001 ขึ้นมาที่มากกว่า 33 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบันหนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้สถานการณ์ปัจจุบันมีความล่อแหลมมากกว่าวงจรหนี้ครั้งก่อน ๆ เป็นอย่างมาก

ที่มา : Cryptoglobe