การมุ่งเน้นด้านปัญญาประดิษฐ์ของ Meta Platforms นั้นเห็นได้ชัดเจนจากการประชุม Connect ประจำปีของบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ Meta ได้ประกาศเปิดตัว MetaAI ในฐานะ AI ผู้ช่วยที่มีบุคลิกและฟังก์ชันที่หลากหลาย ซึ่งจะรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการของ Meta ทั้งหมดในอนาคต
นอกจากนี้ Meta ยังเผยแผนที่จะใช้โพสต์สาธารณะของผู้ใช้ Facebook และ Instagram เพื่อฝึกอบรม AI ตัวใหม่ของบริษัท ซึ่งอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ลดน้อยลง
ตามรายงานจากสื่อข่าว Reuters ระบุว่า Meta มีแผนจะใช้โพสต์สาธารณะบน Facebook และ Instagram เพื่อฝึกอบรม MetaAI โดยให้เหตุผลว่าโพสต์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์และระบบ machine learning ด้วยการศึกษาพฤติกรรมและความชอบของผู้ใช้
ทั้งนี้ Nick Clegg ประธานฝ่ายกิจการทั่วโลกของ Meta ได้กล่าวว่าชุดข้อมูลที่จะถูกนำมาฝึกฝน AI คือโพสต์ “ส่วนใหญ่” ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ไม่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าโพสต์เหล่านั้นจะรวมถึงข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นความลับหรือไม่
“เราพยายามจะแยกชุดข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการพัฒนามากกว่าข้อมูลส่วนบุคคล” Clegg กล่าว โดยอ้างถึง LinkedIn ของ Microsoft ว่าเป็นตัวอย่างของเครือข่ายโซเชียลที่ Meta หลีกเลี่ยง เนื่องจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความร่วมมือกับแบรนด์แว่นตา Ray-Ban ส่งผลให้แว่นตาอัจฉริยะสามารถผสานรวมเข้ากับ MetaAI ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าโซเชียลมีเดียทั้งหมดของ Meta อาจถูกผสานเข้ากับเครื่องมืออื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย MetaAI ในอนาคต
เป็นที่น่าสังเกตว่าบริษัท Meta ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้เพื่อนำมาป้อนเข้าเครื่องมือแนะนำมาเป็นเวลานานแล้ว แต่แพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกเหนือจาก Meta ก็มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เช่น Spotify จะวิเคราะห์พฤติกรรมการฟังเพลงเพื่อแนะนำเพลงให้กับผู้ใช้ ในขณะที่ Netflix จะใช้รูปแบบการรับชมเพื่อแนะนำรายการและภาพยนตร์
อย่างไรก็ตาม การนำข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้งานมาใช้กำหนดรูปแบบประสบการณ์ในลักษณะเหล่านี้ ยังคงถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้น Meta และคู่แข่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่องการสร้างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทผู้พัฒนา AI อย่าง OpenAI ได้ใช้แนวทางการเก็บข้อมูลเช่นนี้ไม่ต่างกัน แต่ศิลปินที่ไม่ต้องการให้นำผลงานของตนไปฝึกอบรมโมเดล AI ของบริษัท ก็สามารถเลือกได้ว่าพวกเขาไม่ต้องการ แต่ศิลปินจะต้องยื่นคำขอสำหรับผลงานแต่ละชิ้น ซึ่งทำให้กระบวนการนี้ยุ่งยากมากจนทำให้ศิลปินที่เป็นเจ้าของภาพวาดหลายร้อยหรือหลายพันชิ้นมองว่า “น่าโมโห”
ที่มา: decrypt