ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ได้มีการค้นพบรอยแยกบนแผ่นทวีปแอฟริกาตะวันออก ณ อุทยานแห่งชาติ Hell’s Gate ประเทศเคนย่า โดยรอยแยกดังกล้าวได้ปลดปล่อยความร้อนจากแกนโลกขึ้นมายังพื้นดิน ซึ่งความร้อนเหล่านี้เป็น “พลังงานสะอาด” ที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้
ทั้งนี้พลังงานความร้อนที่ปลดปล่อยความร้อนจากแกนโลก คือพลังงานที่สามารถใช้ได้แบบ “ไม่มีวันหมด” หรือ “ไร้ขีดจำกัด” เนื่องจากความร้อนใต้พิภพที่ถูกส่งผ่านชั้นหินขึ้นมาสู่พื้นผิวโลกนั้นถือเป็นพลังงานหมุนเวียน หมายความว่าสามารถนำมาใช้ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หมดไป ยกเว้นว่าโลกจะหยุดหมุน หรือแกนโลกจะเย็นลงจนกลายเป็นของแข็ง แต่จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เป็นไปได้น้อยมากที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นในอนาคต
จากการค้นพบรอยแยกดังกล่าว รัฐบาลเคนย่าจึงเปิดโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ห่างจากกรุงไนโรบีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 120 กม. โดยโปรเจกต์นี้มีชื่อว่า “Olkaria VI Geothermal Power Station” หรือที่รู้จักในชื่อ “Olkaria VI” โดยถ้าหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ Olkaria VI จะกลายเป็นโรงไฟฟ้าจากความร้อนใต้พิภพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีกำลังการผลิตมากถึง 38% ของโรงไฟฟ้ารูปแบบเดียวกัน
การขุด Bitcoin ด้วยพลังงานความร้อนใต้พิภพ
หากนำพลังงานจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ไปใช้ ขุด Bitcoin จะช่วยแก้ปัญหาการปล่อยมลพิษจากการขุด Bitcoin ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพลังงานความร้อนใต้พิภพเป็นพลังงานสะอาดที่ปล่อยมลพิษน้อยกว่าพลังงานฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ
นอกจากนี้ พลังงานความร้อนใต้พิภพยังมีความมั่นคงสูง หมายความว่าสามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหรือปัจจัยอื่นๆ ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการขุด Bitcoin ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าในปริมาณมหาศาลและต่อเนื่อง
โดยสรุปแล้ว ถ้าหากมีการนำพลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพไปใช้ขุด Bitcoin ในอนาคต ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการปล่อยมลพิษได้อย่างยั่งยืน และทำให้การขุด Bitcoin เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ถ้าหากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ Olkaria VI ประสบความสำเร็จ ก็อาจนำไปสู่การขยายขอบเขตการใช้พลังงานเพื่อการขุด Bitcoin ในอนาคตได้อีกด้วย
ข้อดีของการขุด Bitcoin ด้วยพลังงานความร้อนใต้พิภพ:
- ช่วยลดการปล่อยมลพิษ
- เพิ่มความมั่นคงของระบบ
- ช่วยลดต้นทุนการขุด
นอกจาก Olkaria VI แล้ว ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพอีกมากมายทั่วโลก ซึ่งสามารถนำพลังงานมาใช้ประโยชน์เพื่อการขุด Bitcoin ได้เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น
- โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ Hellisheiði Power Station ในประเทศไอซ์แลนด์
- โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ Wairakei Power Station ในประเทศนิวซีแลนด์
- โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ Imperial Valley Geothermal Project ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่มา: nsenergybusiness