นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป จะมีช่วงเวลาแวบหนึ่งที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อาจอนุมัติคำร้องขอก่อตั้งกองทุน Bitcoin Spot ETF ที่รอดำเนินการอยู่ โดยในขณะนี้มีหน่วยงานที่ยื่นคำร้องเข้ามาทั้งสิ้น 12 รายด้วยกัน
James Seyffart และ Eric Balchunas นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ตั้งทฤษฎีว่า SEC อาจอนุมัติให้ก่อตั้ง iShares กองทุน Bitcoin Spot ETF ของ BlackRock และอาจอนุมัติการแปลงกองทุน Bitcoin Trust ของ Grayscale
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า ในเมื่อ SEC ขอขยายเวลาสำหรับการพิจารณากองทุน ETF และเลือกวันพุธที่ 8 พ.ย. เป็นวันสุดท้ายที่บุคคลทั่วไปสามารถยื่นความคิดเห็นเกี่ยวกับ Bitcoin ETF ที่รอดำเนินการได้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า SEC อาจอนุมัติกองทุน Bitcoin ETF หลายรายการในระหว่างวันที่ 8 พ.ย. ถึงวันที่ 17 พ.ย. แต่ต้องให้กองทุนทั้งหมดเริ่มซื้อขายในวันเดียวกัน
“SEC ได้ออก delay order สำหรับ BlackRock, Bitwise, VanEck, WisdomTree, Invesco, Fidelity & Valkyrie ในเวลาเดียวกัน ถ้าหน่วยงานต้องการอนุญาตให้ผู้ยื่นคำร้องทั้ง 12 รายเปิดตัวกองทุน—ตามที่เราเชื่อ—นี่คือช่วงเวลาแรกนับตั้งแต่ Grayscale ได้รับชัยชนะในศาล” Seyffart กล่าวบนแพลตฟอร์ม X (Twitter)
ถ้าหากกองทุน Bitcoin ETF ได้รับการเปิดตัว นักลงทุนก็จะสามารถซื้อหุ้นกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนด้วย Bitcoin หรือเรียกได้ว่ากองทุน Bitcoin ETF คือ “โอกาส” ที่นักลงทุนจะสามารถเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกได้โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์ไว้เอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า SEC จะเปลี่ยนแปลงกฎการอนุมัติให้ ETF สามารถซื้อขายได้ แต่สิ่งนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติเรื่องการจดทะเบียนของกองทุน แต่การอนุมัติทั้งสองด้านนี้จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่ Bitcoin ETF กองทุนใดก็ตามจะเริ่มซื้อขายได้
ราคา Bitcoin ที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 20% ในเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับเรื่องการอนุมัติกองทุน แต่ในความเป็นจริงแล้ว กองทุน Bitcoin ETF อาจไม่ได้ส่งผลให้ราคา BTC พุ่งสูงขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นักวิเคราะห์เสนอแนะว่า Bitcoin Spot ETF อาจดึงดูดเงินทุนกว่า 5 หมื่นถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ ให้ไหลเข้าอุตสาหกรรมคริปโตในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่ออนาคตของตลาดได้ ทั้งนี้ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนคริปโตได้ดึงดูดเงินทุนไปแล้วกว่า 767 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก CoinShares บริษัทจัดการสินทรัพย์ คริปโต
ที่มา: decrypt