คุณฐนิตสินธุ์ วงศ์ภัทรปรีชา หรือที่รู้จักกันดีในนามของ “โค้ชภพ” คือนักเทรด Sniper Trader ผู้ที่เป็น Head Coach & Directors Academy ของสถาบันสอนการลงทุน GOTA GO-TRADE Academy และเป็นผู้ดูแลพอร์ตให้กับนักลงทุนมากมาย โดยถึงแม้ในปัจจุบันโค้ชภพจะเป็นหนึ่งในบุคคลชื่อดังอันดับต้น ๆ ของวงการนักเทรดไทย แต่จะมีสักกี่คนกันที่เคยรู้ว่าในอดีตนั้นโค้ชภพเคยเป็นเพียงแค่พนักงานเงินเดือนธรรมดา ๆ
เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รายการ TRADE EVOLUTION ของช่อง GOFX Thailand ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการสัมภาษณ์โค้ชภพผ่านช่องทาง YouTube ซึ่งในคลิปดังกล่าวนั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์มากมายของพนักงานขายตรงคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในฐานะนักเทรด ดังนั้นในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงจะพาทุกคนมาย้อนรอยเรื่องราวของโค้ชภพ แล้วมาดูกันว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้โค้ชภพสร้างเงินหลักล้านได้สำเร็จ
จากวิศวกรสู่พนักงานขายตรง
ปลายทางของชีวิตที่โค้ชภพต้องการนั้น คือการมีธุรกิจเป็นของตนเอง หรือเรียกได้ว่าโค้ชภพคือคนที่ “มีไฟ มีฝัน” มาตั้งแต่แรก โดยในช่วงที่โค้ชภพใกล้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เขาสนใจการศึกษาด้านวิศวกรคอมพิวเตอร์ เพราะเดิมทีมีความชื่นชอบในเทคโนโลยีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม แต่ทว่าเมื่อได้ทดลองเรียนโค้ดดิ้ง (Coding) โค้ชกลับพบว่า “มันไม่ใช่ทาง” ดังนั้นจึงหันเหความสนใจไปที่วิศวะ IE
หลังจบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โค้ชภพได้เข้าทำงานในฐานะวิศวกรของโรงงานผลิตเซิร์ฟบอร์ดที่อมตะนคร ทว่าเมื่อทำงานไปได้ประมาณ 6 เดือน ในวันหนึ่งคุณพ่อของเพื่อนได้มาชวนให้โค้ชภพลองเข้าสู่วงการ “ขายตรง” ซึ่งคำชักชวนในครั้งนั้นได้ทำให้โค้ชภพนึกสงสัยอะไรบางอย่าง
“ไอ้เราก็มานั่งคิดว่าคุณพ่อเพื่อนเนี่ย วิศวะจุฬาฯ เหมือนกัน เป็นเจ้าของธุรกิจด้วย แต่ทำไมเขาถึงทำ เรารู้สึกว่าขายตรงมันดูไม่เป็นที่นิยมเท่าไร” โค้ชภพตั้งข้อสังเกต “ก็รู้สึกว่า เอ้อ ลองดูวะ”
โค้ชภพตัดสินใจลาออกจากงานประจำทันที เนื่องจากเล็งเห็นว่าเส้นทางนี้อาจปูทางไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้รวดเร็วกว่าคนอื่น ทว่าหลังจากลาออกมาเป็นพนักงานขายตรงแบบเต็มตัว ปรากฏว่าแบรนด์ที่คุณพ่อของเพื่อนชักชวนมานั้นมีปัญหาหลายอย่าง
“ไป ๆ มา ๆ ก็มาทำประกัน” โค้ชภพเล่า “อยู่หลายปีเลยตรงนี้ ทำนู่นนี่นั่น ต้องเรียกว่าชีวิตพี่นะ รวม ๆ แล้วทำมาเกิน 20 อย่าง”
“แต่พอเราออกมาจากงานประจำแล้ว ก็ไม่ได้อยากกลับไปแล้ว เราอยากดิ้นรนหาอย่างอื่นทำมากกว่า เพราะว่าสุดท้ายแล้วเราอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เรารู้สึกว่าทำงานประจำแล้วโอกาสมันน้อย เพราะว่ามันกินเวลาเราไปเยอะ”
กว่า 20 อาชีพของโค้ชภพนั้น มีทั้งงานขายตรง ขายประกัน ประสานงานราชการ สื่อสิ่งพิมพ์ ขายข้าวเกรียบปัตตานี ขายน้ำส้ม ขายซาลาเปาลาวา ฯลฯ ซึ่งในระหว่างนั้น มีทั้งงานขายตรงที่ “เฟล” และงานขายตรงที่ขายได้ดีจนทำเงินได้วันละหลักหมื่น
“จุดเริ่มต้นคือการที่เราได้ลาออกจากงานประจำ แล้วก็มาเริ่มทำขายตรง ถ้าไม่ตัดสินใจลาออกตรงนั้น ทุกวันนี้ก็อาจจะยังเป็นวิศวกรอยู่ก็ได้ เพราะบางทีเวลาเราเริ่มอะไรช้าเกินไป เราจะคิดเยอะ เรื่องครอบครัวเอย หนี้สินเอย”
เริ่มลงทุนครั้งแรก
เมื่อปี 2009 ในระหว่างที่โค้ชภพกำลังสนุกไปกับการทำงานหลายต่อหลายอย่างอยู่นั้น โค้ชสังเกตเห็นหนังสือเกี่ยวกับ “ทองคำ” วางขายเต็มหน้าร้าน SE-ED เนื่องจากในช่วงนั้นราคาทองคำขึ้นไปทำจุดพีค โค้ชภพจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน แล้วเกิดรู้สึกสนใจด้านการลงทุนทอง แต่ทว่าปัญหาใหญ่คือตอนนั้นโค้ชภพไม่มีเงินทุน
“ก็ไปยืมแม่ บอกว่าจะไปลงทุนทองคำแท่ง ก็เอาเงินแม่ไปซื้อทองคำแท่งก่อน พอมันขึ้นก็ขาย ปรากฏว่า เฮ้ย ได้กำไรเว่ย เข้าท่า แต่เรารู้สึกว่ามันช้า เพราะต้องรอร้านทองเปิด ต้องวิ่งไปวิ่งมา”
โค้ชภพหาข้อมูลไปมา จนกระทั่งรู้จักกับ Gold Futures ในตลาด TFEX แต่พอเทรดไปได้สักพัก โค้ชภพก็พบว่าตลาดนี้มันมีข้อจำกัด โดยในช่วงนั้นตลาดเปิด-ปิดในเวลาเดียวกับตลาดหุ้น แต่ทว่าราคาทองกลับวิ่งแรงในตอนกลางคืน
“มันกลายเป็นว่าทำเงินไม่ได้ และมีความเสี่ยงด้วย ถ้าเปิด long ทิ้งไว้ ตื่นขึ้นมาราคามันกระชากลง ก็ต้องรับสภาพอย่างเดียว นับจากจุดที่แตก ไม่ว่ามันจะลงมาเท่าไรก็แล้วแต่ คุณมีหน้าที่หาเงินไปคืนโบรกเกอร์นะ ตอนนั้นไม่มี Stop loss ด้วย”
เทรดอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อเห็นข้อจำกัดหลายอย่างในตลาด TFEX โค้ชภพจึงเทรดทองคำควบคู่ไปกับการทำธุรกิจอีกหลายอย่างที่เคยทำ โดยโค้ชภพนำกำไรจากธุรกิจมาใช้เป็นเงินทุนในการเทรดทอง
“เมื่อได้กำไรมา กำไรนั้นก็กลับมาเทรด… แล้วก็แตก” โค้ชภพหัวเราะ “ก็วนอย่างนี้แหละครับ หาเงิน เอามาเติมพอร์ต แล้วก็หาเงิน”
โค้ชภพอธิบายว่าวนเวียนอย่างนั้นอยู่นานหลายปี พร้อมทั้งยืนยันว่าชีวิตของเขาเสียทั้งเงินทั้งเวลาไปกับการเทรดมาเยอะ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโค้ชภพไม่เคยนำเงินเก็บทั้งหมดมา All-in ไปกับการเทรด โดยเงินทุนเหล่านั้นเป็นเพียงเงินส่วนหนึ่งจากกำไรที่ได้รับผ่านธุรกิจ ดังนั้นโค้ชภพจึงสามารถอยู่รอดในตลาดต่อไปได้ในทุก ๆ ครั้งที่พอร์ตแตก หรือเรียกได้ว่าเงินลงทุนของโค้ช จะต้องเป็นเงินเย็นที่สามารถ “เสี่ยงได้” เท่านั้น
โค้ชภพอธิบายว่าเขาประสบความสำเร็จในการเทรดอย่างจริงจัง หลังจากที่เริ่มจับจุดได้ แต่กว่าจะจับทางตลาดได้นั้น โค้ชเสียเวลาไปมากถึง 6 ปี
“ณ วันนั้น สิ่งที่พี่ยูเรก้าขึ้นมาก็คือเราเข้าใจผิดมาตลอดว่าตลาดมันมีคำอธิบายที่สามารถอธิบายตลาดได้จริง ๆ ในระยะยาว”
“เวลาเราเรียนวิชาในชั้นเรียน มัน proof มาแล้วว่า 1+1=2 เขาถึงเอามาสอนเรา มันเป็นความรู้ที่ไม่เปลี่ยน ไม่มีใครมาแย้งได้ หน้าที่เราคือเรียนให้รู้ จำให้ได้ แล้วไปทำข้อสอบให้ได้ แค่นั้นเอง”
“แต่ตลาดมันเป็นสิ่งที่เรียกว่า dynamic random walk แปลว่ามันดิ้นไปดิ้นมา มันถึงเป็นความเข้าใจผิดไง นึกว่าวิชาที่เราเรียนมามันจะเหมือนกับในตลาดที่เราอยู่ เขาสอนมาว่าแท่งนี้แปลว่าลง แท่งนี้แปลว่าขึ้น เราก็เชื่อโดยสนิทใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่พอมาเทรดปั๊บ มันจะถูกบ้าง ผิดบ้าง แบบงง ๆ”
“เพราะฉะนั้นมันจะไม่มีวิชาไหนที่มาอธิบายตลาดได้แบบแน่นอนในระยะยาว” โค้ชภพยืนยัน
ขณะเดียวกัน โค้ชภพยังชี้ให้เห็นด้วยว่าในการศึกษาเล่าเรียนนั้นไม่มีใครอยากให้เราสอบตก อาจารย์มีแต่คนอยากดันให้เราได้คะแนนดี ๆ ทว่าในตลาดกลับเต็มไปด้วยเหล่าเจ้ามือที่ต้องการให้เราเสีย
“มันมีเจ้ามือ มีรายใหญ่ พวกเราเป็นรายย่อย เป็นเม่า แล้วคิดว่าเม่าจะได้เงินเจ้ามือ หรือเจ้ามือได้เงินเม่า? พี่เลยมานั่งคิด ๆ ว่าถ้าไอ้วิชาที่เขาสอน ๆ กันมา มันก็เรียนเหมือนกันทั้งโลก ถ้ามันใช้ได้จริง ก็ต้องได้ตังทั้งโลกแล้วดิ ทำไมไม่ได้ล่ะ”
นอกจากนี้ โค้ชภพได้ฝากคำแนะนำไปถึงนักลงทุนไว้ด้วยว่า “สภาวะที่ดีที่สุดในการเทรด” คือการเทรดโดยไม่ต้องกังวลกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น กล่าวคือ “ไม่ต้องซีเรียส” ไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน
“สมมติมีเงินอยู่ 30,000 แล้วต้องจ่ายค่าบ้านสิ้นเดือน เอาเงิน 30,000 มาเทรด แล้วหวังว่ามันจะมีโอกาสเยอะขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะคุณกำลัง bet ไปในทางเดียวว่าคุณต้องได้เท่านั้น”
ที่มา: GOFX Thailand