เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ขอความช่วยเหลือในกลุ่ม Bitcoin Crypto Thailand โดยแนบภาพที่แคปจากกระเป๋าเงินดิจิทัล และภาพประวัติการทำธุรกรรมของกระเป๋าเงิน พร้อมทั้งกล่าวว่า
“มีใครโดนไหมเปิดมาดูบัญชีในแอพสีเขียว อยู่ดีๆ เงินหายเกลี้ยง มันคืออะไร เจ้าของแอพยังไม่รับผิดชอบใด ๆ ซักอย่าง”
เจ้าของโพสต์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับบัญชีของเขามาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2566 โดยในตอนแรกเขามีมูลค่าเหรียญในพอร์ตรวมทั้งสิ้น 225,000 บาท ทว่าหลังจากที่เขากดเข้ามาดูพอร์ตอีกครั้ง ปรากฏว่าเหรียญของเขาโดนถอนออกไปโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ทำรายการธุรกรรมด้วยตนเอง
ทั้งนี้เจ้าของโพสต์ชี้แจงว่าเขาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ทว่าทางตำรวจกลับไม่สามารถสืบค้นได้ว่าใครเป็นเจ้าของบัญชีปลายทาง ดังนั้นเขาจึงพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือกับแอดมินของทางแพลตฟอร์ม แต่เขาก็ยืนยันชัดเจนว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินคืน
ใต้โพสต์ดังกล่าวมีนักลงทุนและนักเทรดจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์สอบถาม แต่ที่น่าสังเกตคือเจ้าของโพสต์รายนี้ไม่ได้เป็นผู้เสียหายเพียงรายเดียว
“หนูเพิ่งโดนมาค่ะ แต่หนูโดนลิงค์ปลอมที่เขาให้ยืนยันตัวตน ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ หายหมดเหมือนกันค่ะ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา” ผู้ใช้ Facebook อีกรายหนึ่งกล่าว
ในปัจจุบัน ดูเหมือนชาวเน็ตส่วนใหญ่จะชี้สาเหตุไปที่ “ลิงก์ปลอม” ของมิจฉาชีพ หรือความผิดพลาดของตัวผู้ใช้งาน โดยความคิดเห็นที่ได้รับการกดถูกใจสูงสุด 3 อันดับแรก คือความเห็นที่กล่าวไว้ว่า
“ต้องระวังครับ ผมพึ่งได้เมล์ปลอมมาให้กดลิ้ง เราต้องระวังตัวเองด้วยครับมีมาทุกรูปแบบ แต่ผมส่งเมล์กลับไปบอกมันแล้วว่าไม่ได้แดกกูหรอก”
“ตัวอย่างลิงค์ปลอมครับ ใครได้รับอย่าเผลอไปกดล็อคอินนะ เงินหายหมดตัวตามคืนไม่ได้ด้วย”
“แนะนำให้ทำน่ะคร้บ ถ้าเราจะเทรดแค่กระดานนี้ แจ้งกับ bitkub ว่าเราขอปิดการโอนเหรียญ แล้วการโอนเหรียญ จะโอนไปที่อื่นไม่ได้ ยกเว้นการถอนเหรียญบาทเท่านั้น มันจะสามารถถอนได้ แล้วเงินจะโอนเข้า บช เราที่ให้กับ Bitkub เท่านั้น” ผู้ใช้ Facebook อีกรายหนึ่งให้คำแนะนำ
“ทาง Support เข้าแอป แล้วคลิกที่ ช่วยเหลือ ครับ หรือโทรเข้าไปถาม ขอคำแนะนำกับทางพนักงานว่าทางเราจะทำเรื่องขอปิดการโอนเหรียญ”
ในขณะที่เขียนบทความนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากความผิดพลาดของผู้ใช้งาน การเผลอกดลิงก์ฟิชชิ่ง การลืมเปิดใช้งาน 2FA การถูกแฮ็กกระเป๋าเงิน หรือความผิดพลาดของระบบ ทั้งนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่านักลงทุนที่ได้รับความเดือดร้อนจะได้เงินกลับคืนมาในท้ายที่สุดหรือไม่
ที่มา: facebook