ยังคงเป็นประเด็นร้อนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ล่าสุดทางตำรวจไซเบอร์ได้ออกมาตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนกับทาง Zipmex
โดยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา คุณอิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข เจ้าของช่อง ถามอีก กับอิก TAM-EIG บน Youtube ได้เชิญแขกรับเชิญพิเศษอย่าง ดร.พีรภัทร ฝอยทอง ทนายความและนักวางแผนการเงินส่วนบุคคล CFP มาเจาะลึกถึงการที่ Zipmex ได้โดนตั้งข้อหา ไว้ดังนี้
ผู้เสียหายจาก Zipmex มีโอกาสได้เงินคืนไหม
ดร.พีรภัทร ฝอยทอง ได้แจงผ่านทางรายการว่า การที่ตำรวจออกมานั้นเป็นเพียงแค่การแจ้งข้อกล่าวหาต่อ Zipmex เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้เสียหายจะได้รับเงินคืน ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้ของตำรวจนั้นเป็นคดีอาญา แต่การจะเรียกร้องเอาเงินนั้นจะสามารถทำได้ในทางแพ่งเท่านั้น

ดร.พีรภัทร กล่าวโยงว่าโดยปกติแล้วการแจ้งข้อหาอาญานั้นเป็นการกดดันให้คืนเงินวิธีหนึ่ง คล้ายกับการนำเอาเช็ค ไปแจ้งกับตำรวจเพื่อให้ผู้จ่ายยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับการไม่ต้องโดนโทษทางอาญา
ทั้งนี้ ดร.พีรภัทร ได้วิเคราะห์ถึงประเด็นที่ผู้เสียหายจาก Zipmex จะได้เงินคืนนั้นว่า “เป็นเรื่องยาก”
“ถ้าฟ้องบริษัทในส่วนทางแพ่งผมมองว่าชนะ แต่ถ้าปรากฏว่าบริษัทเขาไม่มีเงิน บริษัทก็ไม่ต้องร่วมรับผิดใดๆ ต้องย้อนไปดูเพราะแจ้งพิจารณาเป็นคดีพิเศษ คดีพิเศษ ทาง DSI จะเข้ามาร่วมตรวจสอบ ต้องดูตอนสุดท้ายตอนที่ส่งเรื่องให้อัยการและมีการแจ้งความเอาผิดถึงตัวผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นบางราย แล้วมีกระบวนการ ในชุดนี้ผมเห็นเป็น ปปง. ที่เข้ามา นี่เป็นช่องที่ผมเห็นว่าจะได้เงิน ยกตัวอย่าง Forex 3D ที่จะเข้าไปยึดทรัพย์ และผู้เสียหายก็เข้าไปเฉลี่ยเอาทรัพย์”

อีกกรณีหนึ่งก็คือ หากสินทรัพย์โอนออกนอกประเทศไทยไปแล้วจะสามารถกลับคืนมาได้ไหม งานนี้ ดร.พีรภัทร เองก็ตอบว่า “ยาก” เนื่องด้วยเขตอำนาจศาลของไทย ที่มีก็มีจำกัดอยู่ที่ประเทศไทยการจะไปตามนอกประเทศนั้นยาก แต่หากว่าใครก็ตามที่มีการโยกย้าย ถ่ายเททรัพย์สินก็อาจโดยความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มอีกกระทง
“แต่ถ้าถามผมนะ ผมมองว่าในตัวทรัพย์สินที่อยู่ในบริษัท ณ เวลานั้นนอกจากที่เสียหายไปกับบริษัท Baebel แล้วเนี่ยสินทรัพย์ในบริษัทมีการเก็บ Bitcoin ไว้บ้างไหมเพราะช่วงนั้น Bitcoin มันลงแต่ช่วงนี้ Bitcoin มันกลับมาทะลุ $44,000 มันอาจจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น” ดร.พีรภัทร กล่าวเสริม
ถ้าผู้บริหารหาเงินมาคืน แล้วไม่ผิดอาญาแล้ว เป็นไปได้ไหม?
Zipmex ถูกตำรวจตั้งข้อหาในคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นนับเป็นอาญาแผ่นดิน หรือมีความผิดต่อแผ่นดิน หมายความว่าเป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความได้ แม้จะมีผู้บริหาร Zipmex หาเงินมาคืนได้หรือไม่ก็ตาม เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นในเรื่องของความผิดอาญา

ในทางกฎหมายอนุญาตให้มีการยอมความเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเป็นคดีที่เป็นความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งในกรณีของ Zipmex นั้นไม่ใช่ หาก Zipmex สามารถนำเงินมาคืนได้ทั้งหมดจริง ตรงนี้ก็จะเป็นส่วนที่ทำให้ศาลพิจารณาด้วยความปรานีมากขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องในชั้นศาล
คาดว่าจะใช้ระยะเวลาการพิจารณากี่ปี?
จากวันที่มีความเสียหายเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบันใช้เวลาพิจารณาเกือบ 2 ปีแล้ว ดร.พีรภัทร เองก็กล่าวว่า “ก็คงนานครับ เอาง่าย ๆ ที่ผ่านมาเรียกว่าล่าช้าดีกว่า อาจจะด้วยสถานการณ์โควิด ด้วยอะไรต่าง ๆ คือถ้าในกระบวนการตามกฎหมายในตอนนี้ เรียกได้ว่าอยู่ชั้น 1 ถึง ชั้น 1ครึ่ง จาก 3 ชั้น”
โดยถ้าให้ ดร.พีรภัทร ประมาณการก็มีความเป็นไปได้ที่คดีนี้อาจจะยืดเยื้อไปอีก 6-7 ปี

คดีอาญาคือมีโอกาสติดคุก?
ดร.พีรภัทร ได้ชี้แจงดังนี้ว่า ข้อดีของการแจ้งความในคดีอาญาและถ้าสุดท้ายสามารถสาวไปถึงผู้บริหารได้ ความผิดมันจะไม่ได้อยู่แค่ที่บริษัทแล้วแต่มันจะตกไปอยู่ที่ตัวบุคคลเลย
ในทางแพ่งเมื่อความผิดตกไปอยู่ที่ตัวบุคคลแล้วจะสามารถยึดทรัพย์สินทรัพย์ส่วนตัวได้ (ในกรณีที่มีทรัพย์สินส่วนตัว)
ส่วนในทางอาญาก็มีโอกาสที่จะติดคุก เนื่องจากคดีอาญาเปรียบเสมือนการลงโทษ แต่ทางแพ่งเป็นการชดเชยความเสียหายด้วยเงิน
มีโอกาสมีการซื้อขายกิจการไหม?
การซื้อขายกิจการเป็นเรื่องปกติ ดร.พีรภัทร กล่าวว่า ตัวที่มีมูลค่าจริง ๆ ก็คือใบอนุญาตในการประกอบกิจการ แต่ว่าในปัจจุบันการที่ Zipmex โดนแจ้งข้อหาซึ่งเป็นคดีอาญา และยังโดน ก.ล.ต. ถอนใบอนุญาต

“ถ้าเป็นผม ผมไม่ซื้อครับ” ดร.พีรภัทร กล่าวเสริมว่า “ถ้าจะมีการซื้อขายในช่วงนี้ยากมาก ๆ ยิ่งมีคดีอาญา มีคดีฉ้อโกงไม่มีฝรั่งที่ไหนมาซื้อ”
ผู้บริหารถูกตัดสินว่าผิด คือผิดทั้งหมดหรือดูรายคน?
ดร.พีรภัทร กล่าวว่า ก็ต้องดูเป็นรายคน คนที่ทำความผิดจริงๆ ก็คือตัวนิติบุคคล หรือตัวบริษัท Zipmex ก็จะมีบุคคลที่ทำหน้าที่แทนบริษัท ซึ่งก็อาจจะต้องดูกรรมการบริหารในช่วงเวลาที่เกิดเรื่องว่ามีใครบ้าง ซึ่งจะสามารถดูได้ตามรายงานการประชุม

ที่มา: youtube

