ครอบครัวของเหยื่อกลุ่มฮามาสยื่นฟ้อง Binance ฐานอำนวยความสะดวกทางการเงินแก่การก่อการร้าย เรียกร้องค่าเสียหายและความรับผิดชอบ
ครอบครัวของเหยื่อจากกลุ่มฮามาสได้ยื่นฟ้อง Binance กระดานเทรดคริปโต ต่อศาลรัฐบาลกลางในแมนฮัตตัน โดยกล่าวหาว่า Binance อำนวยความสะดวกในด้านการทำธุรกรรมทางการเงินกับกลุ่มฮามาสทางอ้อม รายงานนี้ถูกเผยแพร่โดย Bloomberg News เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2024
คดีฟ้องร้องดังกล่าว กล่าวหา Binance ว่า ช่วยให้กลุ่มก่อการร้ายฮามาส หลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรและกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินได้ ทำให้เป็นการสนับสนุนด้านวัตถุแก่การก่อการร้าย ผู้ฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายสำหรับการชดเชยและลงโทษ เพื่อให้ Binance รับผิดชอบ
คดีความ
คดีฟ้องร้องที่ครอบครัวของเหยื่อกลุ่มฮามาสยื่นฟ้อง Binance กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2017 ถึง 2023 Binance อนุมัติธุรกรรมทางการเงิน ช่วยให้กลุ่มฮามาสหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรระหว่างประเทศและหลีกเลี่ยงกฎระเบียบป้องกันการฟอกเงิน (AML) ซึ่งเป็นการสนับสนุนกิจกรรมการก่อการร้ายขององค์กร
รายละเอียดจากการฟ้องร้องเผยว่า ผู้ฟ้องร้องมีทั้งบุคคลที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำของฮามาส เช่น ตัวประกันและญาติที่เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่มองว่า Binance ไม่สามารถป้องกันแพลตฟอร์มของตน ไม่ให้ถูกใช้สำหรับการสนับสนุนการก่อการร้ายได้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง
คดีฟ้องร้องมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานของ Binance ที่ถูกกล่าวหาว่า อนุญาตให้ฮามาสทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยเลี่ยงระบบธนาคารแบบดั้งเดิมและการคว่ำบาตร นอกจากนี้ คดียังฟ้องร้องนาย Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของ Binance พร้อมด้วยรัฐบาลอิหร่านและซีเรีย ที่ตกเป็นจำเลยอีกด้วย
คดีฟ้องร้องนี้ยื่นฟ้องภายใต้พระราชบัญญัติต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐอเมริกา (United States Anti-Terrorism Act) โดยกล่าวหาว่า จำเลยให้ “ความช่วยเหลือที่สำคัญ” แก่กลุ่มก่อการร้าย
จำเป็นต้องมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
คดีความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและภาระหน้าที่ภายใต้กฎระเบียบทางการเงินระหว่างประเทศ
คดีนี้ได้รับความสนใจจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงผู้ร่างกฎหมายของสหรัฐฯ ที่ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้สกุลเงินดิจิทัลในทางที่ผิด เป็นการจัดหาเงินทุนเพื่อการก่อการร้าย วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis และผู้แทน French Hill ต่างแสดงความเห็นเกี่ยวกับความจำเป็นในการกำกับดูแลการทำธุรกรรมคริปโตอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการก่อการร้าย
นอกจากนี้ คดีฟ้องร้อง Binance ยังเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทเคยเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบและกฎหมายมาก่อน ซึ่งรวมถึงการถูกปรับเงินจากการละเมิดกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการตัดสินลงโทษอดีต CEO ของบริษัท
เหตุการณ์เหล่านี้เผยให้เห็นจุดอ่อนภายในโครงสร้างการดำเนินงานของตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้มีเสียงเรียกร้องให้มีการปรับปรุงโปรโตคอลการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยงานและบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำธุรกรรมทางการเงิน
คดีความกับ Binance นี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันไม่จบสิ้น เรื่องความรับผิดชอบของตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ในการป้องกันไม่ให้บริการของตนถูกนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย ผลลัพธ์ของคดีนี้อาจส่งผลต่อภูมิทัศน์กฎระเบียบของสกุลเงินดิจิทัลอย่างมาก โดยอาจสร้างบรรทัดฐานใหม่สำหรับการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) และกฎหมายต่อต้านการสนับสนุนการก่อการร้าย (CFT) ในภาคอุตสาหกรรมคริปโต
ที่มา : cryptoslate