<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ถอดรหัสกลยุทธ์ “พี่หมอวิน” จากหมอสู่อภิมหาเศรษฐี ชายผู้ปั้นพอร์ต 1,000 ล้านด้วยการ All-in

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การลงทุนเป็นเสมือนกุญแจไขประตูสู่ความสำเร็จทางการเงิน หลายคนใฝ่ฝันอยากมีอิสรภาพทางการเงิน พลิกชีวิตจากคนธรรมดาสู่อภิมหาเศรษฐี หนึ่งในบุคคลผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนยุคใหม่คือ “พี่หมอวิน” นพ.รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา ชายผู้พลิกชะตาชีวิตด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ All-in จนกลายเป็นเจ้าของพอร์ตพันล้าน

เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางยูทูป ถามอีก กับอิก TAM-EIG โดยมีคลิปวิดีโอชื่อตอนว่า “กลยุทธ์ปั้นพอร์ตพันล้านด้วยวิธี All in | The Conversation Ep.11” โดยมีเนื้อหาดังนี้

จุดเริ่มต้น

พี่หมอวิน กล่าวว่าในอดีตเขาเริ่มมีความสนใจในหุ้นตั้งแต่ก่อนปี 40 ที่ตลาดหุ้นไทยเกิดวิกฤต โดยตัวของพี่หมอวินได้ศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อลบ​​คําสบประมาท ที่ว่าการเล่นหุ้นคือการพนัน โดยเขามีแนวคิดว่าหากมีความรู้ และลงทุนในหุ้นถูกตัว ถูกเวลา มันก็จะไม่ได้เป็นเพียงแค่การพนันและสามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้ พี่หมอวินเล่นว่าตัวของเขามาจากครอบครัวค้าขาย โดยคุณพ่อเคยลงทุนในหุ้นแต่ก็ต้องประสบความล้มเหลว เสียหายไปเกือบ 10 ล้านบาท และได้มีการบอกเล่าให้ครอบครัวฟัง เกิดเป็นการจุดประกายความสนใจในหุ้นของพี่หมอวิน และเริ่มขอออกมาเริ่มการลงทุนด้วยตนเองตอนช่วงเริ่มเข้าเรียนแพทย์

โดยในช่วงแรกพอร์ตของพี่หมอวินไม่มีการขยับไปไหนเนื่องจากยังขาดความรู้และประสบการณ์อยู่ แม้ว่าจะศึกษาเรื่องกราฟเทคนิค และศึกษาจากการไปงานสัมมนาต่าง ๆ มาบ้างแล้ว จนกระทั่งพี่หมอวินเข้ามาเจอกับไอดอลนักลงทุน ที่เข้ามาเป็นแรงบันดาลใจ คือ “พี่ป๋อง วัชระ แก้วสว่าง” โดยได้เขาได้ให้คำแนะนำเรื่องการเทรดแบบ Technical Analysis ให้กับพี่หมอวินไปศึกษาจนแตกฉาน พร้อมกับอนุญาตให้พี่หมอวินเข้ามาเยี่ยมชมห้องเทรดเพื่อศึกษาหาความรู้อีกด้วย จากนั้นจึงนำมาฝึกฝนเองวันละ 6-7 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปีกว่าพี่หมอวินจะมีความคุ้นชินกับการอ่านกราฟให้แม่นยำ เรียกได้ว่าหากไม่เจอกับไอดอลของเขาในวันนั้นอาจไม่มีตัวเขาในวันนี้

หุ้นเปลี่ยนของชีวิต

พี่หมอวินกล่าวว่าเขาใช้เวลามากถึง 4 ปีในการหาเงินให้ได้ 1 ล้านแรก โดยตอนนั้นเป็นช่วงของ Hamburger Crisis แต่โชคยังดีที่พอร์ตไม่ใหญ่เลยไม่เจ็บหนัก โดยในสมัยก่อนการที่จะซื้อหุ้นได้นั้นต้องอาศัยการโทรหาโบรกเกอร์เพียงเท่านั้น ซึ่งมีทั้งซื้อได้และซื้อไม่ได้ ซึ่งพี่หมอวินได้จดบันทึกความผิดพลาดมาโดยตลอด

โดยจุดเปลี่ยนในชีวิตของพี่หมอวินนั้นมาจาก การที่ตลาดเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเขาจึงได้เข้าซื้อหุ้นของ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) โดยสังเกตุจากการเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจจากเหมืองสังกะสี เป็นการทำอสังหาริมทรัพย์ เขาจึงตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้เพราะทั้งราคาสังกะสี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งใช้วิธีการดูกราฟแบบ Technical ประกอบการตัดสินใจ เมื่อการวิเคราะห์ถูกต้องและตลาดเป็นใจเขาจึงได้ขายหุ้นทิ้งก่อนที่จะเข้าสู่จุดสูงสุดเนื่องจากความขาดประสบการณ์ทำให้รีบขายไปก่อน 

ต่อมาคือหุ้นของ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) ที่เป็นหุ้นของบริษัทพลังงานทางเลือก โดยพี่หมอวินขายหุ้นตัวนี้ได้ในระดับที่เกือบ High กวาดกำไรได้หลายเท่าตัว การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึกเนื่องจากรู้ตัวเองดีว่ามีเงินลงทุนที่จำกัด เพื่อมาตัดสินใจลงทุนในตัวที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

ตัวที่ 3 คือหุ้นของ บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) โดยในครั้งนี้ก็ใช้หลักการเดิมในการซื้อหุ้นคือดูจากรูปแบบของกราฟ ซึ่งทั้ง 3 ตัวที่ผ่านมาพี่หมอวินใช้วิธีการลงทุนแบบ All-in หรือการซื้อหุ้นหมดทั้งพอร์ตเป็นการลงทุนหมดหน้าตัก ที่มีความเสี่ยงที่สูงมาก ๆ เนื่องจากไม่กระจายความเสี่ยง เรียกได้ว่าต้องมองกราฟทะลุปรุโปร่งจริง ๆ ถึงจะสามารถทำการซื้อในรูปแบบนี้ได้เพราะโอกาสขาดทุนนั้นสูงมาก

ซึ่งการเสี่ยงดวงในตอนนั้นทำกำไรให้พี่หมอวินได้หลายเด้งมาก ๆ เป็นการเทรดเน้นการเทรดครั้งเดียวกินกำไรก้อนโต ๆ มากกว่าค่อย ๆ เทรดทำกำไร

จากสิบล้านสู่พันล้าน

เมื่อมีประสบการณ์จริงแล้ว พี่หมอวินกล่าวว่าการทำกำไรจากสิบล้านไปหลักร้อยล้านนั้นใช้เวลาเพียงแค่ปีกว่า ๆ เพียงเท่านั้นเอง โดยพอมีเงินลงทุนมากขึ้นก็ยิ่งสามารถทำกำไรได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยพี่หมอวินยังคงใช้เทคนิคความรู้รูปแบบเดิมในการลงทุน โดยการลงทุนในช่วงนั้นถูกเรียกว่าเป็นยุคทอง ที่ตลาดดีเป็นอย่างมากทำให้สามารถขยายขนาดพอร์ตได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับการติดนิสัยเดิมที่ลงทุนแบบ All-in ทำให้ได้ผลกำไรมหาศาล ซึ่งผิดหลักการลงทุน ต่อมาพี่หมอวินจึงกล่าวว่าต้องเข้าใจว่าตลาดชอบอะไรและต้องการอะไร จึงจะถึงสามารถเลือกหุ้นที่ใช่ ได้ถูกต้อง

จากนั้นก็เอาหุ้นแต่ละบริษัทในกลุ่มมาเทียบกัน แล้วค่อยลงทุน จากนั้นพอได้กำไรก็เปลี่ยนตัวไปเรื่อย ๆ 

เวลาผ่านไปเข้าสู่ช่วงยุคมืดของตลาดไทย และตลาดโลก พี่หมอวินได้เข้ามาเจอกับหุ้นตัวหนึ่งซึ่งเขาระบุว่าเป็น “หุ้นที่โลกลืม” เป็นหุ้นของบริษัทยางมะตอย TASCO ซึ่งตอนนั้นมีราคาที่ไม่ลดลงแม้ราคาน้ำมันจะลด โดยวิ่งขึ้นไปจาก 10 บาท ไป 40 บาทในปีเดียวเป็นหุ้นเปลี่ยนชีวิตของพี่หมอวินเลยทีเดียวทำให้เขาก้าวขึ้นมากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีภายในที่สุด

สรุป

จากบทสัมภาษ์ณ์จะเห็นได้ว่าปัจจัยหลัก ๆ ของพี่หมอวินนั้นมาจาก 2 ฝั่ง คือสถานการณ์ตลาดต้องดี และความรู้ต้องแน่น โดยก่อนหน้าที่จะมาลงทุนควรจะหาอาจารย์ที่ดีเพราะจะทำให้ก้าวแรกเป็นไปได้อย่างราบรื่น จากนั้นหมั่นฝึกฝน มีวินัยในการลงทุน จดจำความผิดพลาดและปรับปรุง เราก็จะสามารถกลายมาเป็นนักลงทุนที่เก่งได้ จากนั้นสิ่งที่ต้องทำคือหาเพชรในตมให้ได้ เพราะการเลือกหุ้นที่ถูกต้องได้ก่อนคนอื่น ๆ จะทำให้เราได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ 

อย่างไรก็ตามการลงทุนแบบ All-in นั้นเป็นสไตล์การลงทุนที่พี่หมอวินไม่แนะนำให้นำไปใช้งานเนื่องจากต้องอาศัยทักษะความรู้เป็นอย่างมากถึงจะช่วยลดระดับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ทางที่ดีควรจะลงทุนในหลาย ๆ ช่องทางเพื่อกระจายความเสี่ยงและไม่สูญเงินทั้งจำนวน

ที่มา : Youtube