<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อย่าหลงเชื่อ! รวยจากคริปโตไม่ใช่เรื่องง่าย 4 สาเหตุที่อาจทำให้คุณต้องคิดใหม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลักการลงทุนมันดูเหมือนจะง่าย ๆ แค่กระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนและโฟกัสที่ผลลัพธ์ในระยะยาว แต่จนกระทั่งคุณจะเห็นใครบางคนบน Reddit รวยขึ้นมาได้ เพียงชั่วข้ามคืนจากการลงทุนกับคริปโตฯ

Erik Finman กลายเป็นเศรษฐี หลังจากลงทุน 1,000 ดอลลาร์ใน Bitcoin ตอนที่เขาอายุ 12 ปี ส่วน Glauber Contessoto ลงทุนจากเงินออมทั้งหมดของเขาในเหรียญ dogecoin เมื่อ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ และภายในกลางเดือนเมษายน การลงทุนของเขาก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ 

Glauber Contessoto บอกกับ CNBC Make It  [รายการทาง CNBC] ว่า เขาไม่ใช่คนเดียวที่ได้กำไร เมื่อราคาของ Dogecoin พุ่งขึ้น 400% ภายในหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนที่แล้ว แต่นักลงทุนในเหรียญ Dogecoin ต่างก็โพสต์แชร์ ผ่านแพลตฟอร์ม Twitter และ Reddit ว่า สามารถทำเงินได้หลายพันดอลลาร์ 

ดังนั้นคุณอาจจะรู้สึกเสียดายอย่างมากที่ไม่ได้ลองเอาเงินสักหน่อยไปลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีเหล่านี้ แต่ไม่ต้องโทษตัวเองเกินไปหรอก

เนื่องจากการเลือกเหรียญสกุลเงินดิจิทัลที่ใช่ และร่ำรวยได้จากมัน เป็นเรื่องยากกว่าที่คิด นี่คือเหตุผล

มีสกุลเงินดิจิทัลมากมายเหลือเกิน

อย่างที่หลายคนรู้ Bitcoin คือสกุลเงินดิจิทัลเหรียญแรกสุด และมีมูลค่าตลาดกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของเงินทั้งหมดที่ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล คุณอาจเคยได้ยินชื่อ Ethereum และ Litecoin ซึ่งตอนนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถซื้อขายได้ง่ายขึ้น แต่ยังมีเหรียญ cryptocurrencies อื่น ๆ อีกมากมายมากกว่า 9,000 รายการ ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap.com  ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน และมีการสร้างขึ้นมาใหม่ทุกวัน

คุณต้องโชคดีสุดๆ (หรืออาจจะทำนายอนาคตได้) ถึงจะเลือกลงทุนในเหรียญ Dogecoin เมื่อหลายปีก่อน แทนที่จะเป็นเหรียญ Feathercoin อย่างที่ John Paul Koning นักเขียนด้านการเงินชี้ให้เห็นว่า เหรียญ Feathercoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความจริงจังกว่ามาก ซึ่งเป็นเหรียญที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้ใช้งานได้อย่างแพร่หลาย แตกต่างจากเหรียญ Dogecoin ที่เป็นแค่เหรียญมีมตลก  ปัจจุบันเหรียญ Feathercoin มีมูลค่าตลาดประมาณ 12 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่เหรียญ Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลจากมีมตลก กลับมีมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์

Chris Kuiper รองประธานฝ่ายวิจัยตราสารทุนของ CFRA Research เปรียบเทียบสถานการณ์นี้ว่า เหมือนกับการโยนเหรียญ ถ้ามีคนจำนวนมากโยนเหรียญแบบสุ่ม บางคนก็จะโยนหัวได้ 10 ครั้งติดต่อกัน เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนจำนวนมากพยายามเทรด altcoin (สกุลเงินดิจิทัลรอง) แบบรายวันบนแพลตฟอร์ม Robinhood บางคนก็จะประสบความสำเร็จอย่างมาก

จังหวะเวลาต้องเหมาะสม

การที่จะคาดการณ์จังหวะที่ราคาเหรียญดิจิทัลบางเหรียญจะพุ่งขึ้นนั้นยากมากที่สุด และในทางเลวร้ายที่สุดคือ เป็นไปไม่ได้เลย นักลงทุนอาจจะรีบซื้อหรือขายเหรียญ เพราะเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เช่น ข่าวลือบน Reddit หรือเพราะว่า Tesla ประกาศว่ากำลังทำอะไรบางอย่าง

Megan Horneman ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอของ Verdence Capital Advisors กล่าวว่า ‘จู่ๆ นักลงทุนก็เกิดความกลัวการพลาด (FOMO) อย่างรุนแรง’ ‘ทุกคนต่างแห่กันไปซื้อ ราคามันพุ่งขึ้นอย่างมาก แต่สุดท้ายกระแสฮิตอันใหม่ก็เข้ามาแทนที่’”

Megan Horneman กล่าวเสริมว่า มันเหมือนกับฟองสบู่ดอทคอม ยุคที่อินเตอร์เน็ตเพิ่งออกใหม่ นักลงทุนต่างแห่ซื้อหุ้นทุกตัวที่มีคำว่า ดอทคอมต่อท้ายชื่อ แต่สำหรับคริปโตเคอเรนซี มันอันตรายยิ่งกว่านั้น เพราะแทนที่จะซื้อบริษัทที่สร้างรายได้ แต่คุณกลับไปซื้อแค่ไอเดียของใครบางคน ซึ่งไม่มีทางที่จะประเมินมูลค่าพื้นฐานของสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ได้เลย

Richard Smith  CEO ของ Foundation for the Study of Cycles และผู้เชี่ยวชาญด้านวัฏจักรทางการเงิน กล่าวว่า Dogecoin ได้สร้างชุมชนที่แข็งแกร่งขึ้นมาตลอดหลายปี และความไม่จริงจังของมันทำให้มันกลายเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบสำหรับกระแสหุ้นมีม (meme stock) ที่ทำให้ราคาหุ้นของ GameStop พุ่งสูงขึ้นในช่วงต้นปี

เขาเสริมว่า “แต่ผมไม่คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณคาดการณ์ได้ หรือเป็นสิ่งที่เราสามารถมั่นใจได้ว่าจะเกิดขึ้นต่อไป”

จำไว้ว่า: มูลค่าของคริปโตเคอเรนซีไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างเดียว ดังนั้นคุณไม่เพียงแค่ต้องรู้ว่า เมื่อใดที่คริปโตเคอเรนซีจะพุ่งแรง แต่คุณยังต้องซื้อมัน ก่อนที่ราคามันกำลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย  หากคุณซื้อ Bitcoin มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ ในช่วงกลางปี 2017 ก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น คุณจะสามารถทำกำไรได้มากกว่า 8,000 ดอลลาร์ เมื่อราคามันพุุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในปลายปีนั้น แต่ถ้าคุณซื้อที่มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ เท่ากันที่จุดสูงสุดและขายออกไปหลังจากนั้นหนึ่งปีต่อมา คุณจะขาดทุนมากกว่า 800 ดอลลาร์ ซึ่งเกือบจะเป็นเงินลงทุนทั้งหมดของคุณ

คนที่โชคดีที่เคยซื้อตอนราคาต่ำแล้วขายตอนราคาพุ่ง (ซึ่ง Horneman บอกว่าเป็นเรื่องของโชคล้วนๆ) การลงทุนอาจจะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เมื่อหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่น ๆ  เพราะพวกเขาคิดว่า ตัวเองสามารถทำแบบเดิมได้อีกครั้ง แต่อย่าลืมว่า ครั้งที่โชคดีนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำซ้ำได้อีก

Megan Horneman กล่าวว่า “พวกเขาจะเข้าสู่แนวคิดการลงทุนทั้งหมด โดยคิดว่า ‘นี่คือวิธีที่ฉันจะทำเงินได้ง่ายๆ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น”

ไม่มีอะไรการันตีอนาคต

แม้ว่าคุณจะเลือกสกุลเงินดิจิทัลที่ใช่ ซื้อในช่วงเวลาที่ “เหมาะสม” และวางแผนจะรวยขึ้นในระยะยาว แต่การซื้อขายเหล่านั้นไม่ได้มาพร้อมกับการการันตีว่าสกุลเงินเหล่านั้นจะมีอยู่ตลอดไป

แม้แต่ Bitcoin ซึ่งถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกแบน หรืออย่างน้อยก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด Janet Yellen รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวในช่วงต้นปีนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจำเป็นต้อง “จำกัด” การใช้ Bitcoin โดยเสริมว่า มันถูกใช้เป็นสำหรับ “การสนับสนุนทางการเงินที่ผิดกฎหมาย”

Megan Horneman กล่าวว่า ” การลงทุนประเภทนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการเก็งกำไร ข่าวพาดหัวใด ๆ เกี่ยวกับกฎระเบียบ การควบคุม จะทำให้กระแสของมันลดลง มันจะส่งผลต่อความผันผวนของตลาดอย่างรุนแรงในทุกแง่มุม”

แม้ตอนนี้ดูเหมือนยากที่จะเชื่อ แต่ผู้คนก็อาจหมดความสนใจในคริปโตเคอเรนซีได้เหมือนกัน ลองนึกถึง AOL ที่เคยได้รับการยกย่องว่า เป็นเจ้าแห่งสื่อ แต่ตอนนี้กลายเป็นของโบราณไปแล้ว และก็มีตัวอย่างอีกมากมาย เช่น เครื่องเล่นวิดีโอ Betamax และคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก

วิธีลงทุนใน crypto อย่างมีความรับผิดชอบ

ถ้าคุณอดใจอยากลองลงทุนในคริปโตเคอเรนซีจริง ๆ คุณสามารถกันเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับการลงทุนนี้ในพอร์ตโฟลิโอของคุณ ควบคู่ไปกับการลงทุนในหุ้นและพันธบัตรได้

ผลการดำเนินงานของ Bitcoin ดูเหมือนจะไม่ได้สัมพันธ์กับตลาดหุ้นโดยตรง ซึ่งการมีสินทรัพย์บางอย่างที่ทำผลงานได้ดี ขณะที่บางอย่างตกต่ำ ก็เป็นกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงที่ดี 

แต่การลงทุนในคริปโตเคอเรนซีมากเกินไปอาจส่งผลเสียหายได้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นกับคริปโตเคอเรนซีมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง “เศรษฐกิจตกต่ำ”  ดังนั้น คุณต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการนำเงินไปลงทุนในคริปโตเคอเรนซีมากเกินควร

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คุณสามารถจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่างคริปโตเคอเรนซี ได้ประมาณ 5% ของเงินทั้งหมดของคุณ แต่จำไว้ว่า คุณไม่ควรคาดหวังว่าจะกลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน และเงินที่คุณนำไปลงทุน ควรเป็นเงินที่คุณยอมรับความเสี่ยงในการสูญเสียได้

ที่มา : Money