Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้ออกมาเปิดเผยการพัฒนาโปรโตคอลขั้นถัดไปของเครือข่าย Ethereum ที่จะเข้าลดความซับซ้อนของโปรโตคอล และการลดภาระทรัพยากรโหนดให้มากยิ่งขึ้น ในชื่อ The Purge
โดยการลดข้อมูลโปรโตคอลที่จะเกิดขึ้นนี้ ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลง Ethereum เพราะนอกจากจะเป็นการการลบประวัติเก่าและระบบส่วนเกินของเครือข่ายออกไปแล้ว มันยังทำให้เครือข่ายสามารถใช้งานได้ขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปอีกด้วย
นอกจากนี้ การลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในอดีตยังช่วยลดข้อกำหนดด้านฮาร์ดดิสก์สำหรับผู้ปฏิบัติงานโหนดและภาระทางเทคนิคของโปรโตคอล Ethereum ลงอย่างมาก
Buterin ได้เผยว่า การปรับขนาดของโปรโตคอลได้มีการนำร่องมาตั้งแต่ข้อเสนอการปรับปรุง Ethereum (EIP) -6780 ที่เกิดขึ้นในระหว่าง Hard Fork ของ Dencun แล้ว โดยได้ขจัดฟังก์ชันโค้ด “SELFDESTRUCT” ส่วนใหญ่ออกไป ซึ่งทำให้ความซับซ้อนของโปรโตคอลน้อยลง มีขนาดบล็อกที่เล็กลง รวมถึงยังเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน การล้างข้อมูลนี้ยังช่วงกำจัดประวัติที่หมดอายุของ EIP-4444 เพื่อจำกัดจำนวนข้อมูลประวัติที่เก็บไว้ในอดีต ซึ่งเปิดโอกาสให้โหนดมีตัวเลือกในการตัดบล็อกในอดีตที่มีอายุเกินหนึ่งปี และเมื่อบล็อกใหม่ได้รับการยืนยันเข้ามา โหนดเหล่านี้ก็สามารถซิงค์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลประวัติที่มีอายุมากกว่า 365 วัน
“เป็นไปได้ว่าหากแต่ละโหนดจัดเก็บประวัติเป็นเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยตามค่าเริ่มต้น เราก็อาจมีสำเนาของประวัติแต่ละส่วนที่ถูกจัดเก็บไว้บนเครือข่ายได้ประมาณจำนวนพอๆ กับที่เราทำในปัจจุบัน”
นอกจากนี้ Buterin ยังได้เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ระบบได้มีการลบโค้ดหลายพันบรรทัดที่เกี่ยวข้องกับการรองรับเครือข่าย pre-Merge (PoW) อีกด้วย พร้อมกับเสริมว่า หลังจากการอัปเกรด Dencun blobs จะลดแบนด์วิดท์ข้อมูลโหนดลงเหลือเพียงแค่ 50 กิกะไบต์ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การลดขนาดนี้อาจส่งผลต่อเครือข่าย Ethereum ได้โดยตรง เพราะในช่วงการอัปเกรดไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา การปรับขาดให้ลดลงส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาด และเป็นแหล่งที่มาของความเจ็บปวดอย่างมาก โดยเฉพาะการนำ Ethereum Virtual Machine (EVM) เข้ามาปรับใช้ใหม่ ตามคำพูดของ Buterin
ที่มา: Cointelegraph