<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“Kingpin” Hacker มือฉมัง! กู้รหัสผ่านกระเป๋าเงิน Bitcoin อายุกว่า 11 ปีได้สำเร็จ รับเงินไปกว่า 70 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แฮกเกอร์สองรายสามารถถอดรหัสผ่านของกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกลืมได้สำเร็จ ส่งผลให้พวกเขาสามารถกู้คืน Bitcoin จำนวนกว่า 30 BTC ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ปลดล็อค Bitcoin ที่สูญหาย!

สำนักข่าวชื่อดังในสหรัฐฯ Wired รายงานว่า จุดเริ่มของเรื่องราวอันเหลือเชื่อนี้ เกิดขึ้นในปี 2013  เมื่อมีผู้ใช้รายหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า “Michael” ได้จัดเก็บเหรียญ Bitcoin ไว้ในกระเป๋าเงินคริปโตที่ได้รับการป้องกันแบบพิเศษด้วยรหัสผ่าน 20 ตัวอักษรผ่านตัวจัดการรหัสผ่านที่มีชื่อว่า RoboForm แต่น่าเสียดายที่เมื่อเวลาผ่านไป เขานั้น กลับสูญเสียการเข้าถึงกระเป๋าเงินไป เนื่องจากไฟล์ตัวดังกล่าวเกิดความเสียหาย

ความมุ่งมั่นของไมเคิลในเรื่องความปลอดภัย กลับกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายเขา เนื่องจากความกังวลว่ากระเป๋าเงินของเขาจะถูกแฮ็ก  ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่เก็บรหัสผ่านไว้ในตัวจัดการดังกล่าว จนสุดท้ายส่งผลให้เขาทำรหัสผ่านสูญหายไป พร้อมกับ Bitcoin อีกกว่า 30 BTC

ในขณะที่ Michael กำลังตกที่นั่งลำบาก เราจะมาทำความรู้จักกับชายอีกคนหนึ่ง ที่จะกลายมาเป็นคนสำคัญของเรื่องนี้ นั่นก็คือ Joe Grand วิศวกรไฟฟ้าและแฮ็กเกอร์ชื่อดัง ที่ถูกรู้จักกันดีในชื่อ “Kingpin” ชายคนนี้ได้รับการยกย่องอย่างมาก หลังจากที่เขาได้ช่วยเหลือเจ้าของกระเป๋าเงินคริปโตกู้คืนสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ามหาศาล หลังจากลืม PIN ของกระเป๋าเงิน Trezor ส่งผลให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีผู้คนจำนวนมาก เข้าหา Joe Grand เพื่อขอความช่วยเหลือ

Michael ได้ติดต่อกับ Joe Grand ครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน เพื่อขอความช่วยเหลือในการกู้คืนบิตคอยน์ที่สูญหายของเขา แต่เนื่องจากความท้าทายที่ไม่เหมือนใครของกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้ซอฟต์แวร์ ทำให้ Joe Grand จึงปฏิเสธคำขอนั้นไป

อย่างไรก็ตาม Michael ก็ยังคงติดต่อไปอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดความพยายามก็เห็นผล เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แฮ็คเกอร์ชื่อดัง Joe Grand ก็ได้ตอบตกลงที่จะลองช่วยเหลือดู โดยร่วมมือกับแฮ็กเกอร์อีกคนที่ชื่อ Bruno จากเยอรมนี

หลังจากนั้น นับเป็นเวลาหลายเดือนของการทำวิศวกรรมย้อนกลับของสองแฮ็คเกอร์สองราย ส่งผลให้ Grand และ Bruno ค้นพบความก้าวหน้าที่สำคัญ โดยพวกเขาพบข้อบกพร่องในตัวสร้างตัวเลขแบบสุ่ม ที่ถูกใช้โดยโปรแกรม RoboForm 

ข้อบกพร่องดังกล่าว ส่งผลให้รหัสผ่านที่ถูกสร้างขึ้นผ่าน RoboForm เชื่อมโยงกับวันที่และเวลาบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน ทำให้แฮ็คเกอร์ชื่อดังทั้งสองมีโอกาสมากขึ้น ที่จะใช้ข้อบกพร่องนี้เพื่อทำนายรหัสผ่านที่สูญหายไป

อุปสรรคสำคัญในวิธีนี้คือ Machael ไม่สามารถจำวันที่แน่นอนที่รหัสผ่านถูกสร้างขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสองแฮ็คเกอร์รู้มาว่าบิตคอยน์ถูกย้ายเข้าไปในกระเป๋าเงินของ Michael ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2013  Grand และ Bruno จึงตั้งค่า RoboForm เพื่อสร้างรหัสผ่านภายในช่วงเวลาที่กำหนด โดยใช้พารามิเตอร์ที่ Michael ใช้

ปัจจุบัน Bitcoin จำนวนกว่า 30 BTC ที่ Michael ได้คืนมา มีมูลค่าราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่รีบตัดสินใจขายในทันที เพราะเชื่อมั่นว่าราคา Bitcoin จะพุ่งสูงถึง $100,000 และตั้งตารอที่จะขายมันในราคา 3 ล้านดอลลาร์ในที่สุด ความเชื่อมั่นและความอดทนนี้แสดงถึงความเชื่อของเขาต่อศักยภาพของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งอาจนำพาเขาไปสู่ผลกำไรที่มากขึ้นในอนาคต

ที่มา:newsbtc