<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เจาะตลาดคริปโต ! จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากราคา Bitcoin หลุดแนวรับสำคัญที่ 57,000 ดอลลาร์ ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การที่ราคา Bitcoin ร่วงลงมาแตะที่ราคา 57,000 ดอลลาร์ ถือเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด หลังจากราคาเคยดิ่งลงไปต่ำกว่า 65,000 ดอลลาร์มาแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นจริง และตลาดจะต้องตอบสนองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ต่อไปนี้คือ 3 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น หากราคา Bitcoin หลุดระดับสำคัญที่ 57,000 ดอลลาร์ลงไป

  1. เส้นค่าเฉลี่ย 200 EMA ไม่สามารถเป็นแนวรับได้อีกต่อไป: หากราคา Bitcoin ต่ำกว่า 57,000 ดอลลาร์ เส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 จะไม่สามารถใช้เป็นแนวรับได้อีกต่อไป โดยเส้นค่าเฉลี่ยนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดแนวโน้มโดยรวมของราคา หาก Bitcoin สูญเสียแนวรับนี้ไป ก็จะเข้าสู่ภาวะตลาดขาลง และอาจทำให้เกิดการเทขายมากยิ่งขึ้น เมื่อนักลงทุนและนักเทรดขาดความเชื่อมั่นใน Bitcoin ว่าจะสามารถรักษาระดับราคาเหนือแนวรับสำคัญได้ ราคาก็อาจจะร่วงลงไปอีก
  1. การถูกบังคับขาย (ชำระบัญชี) เพิ่มขึ้น: ผู้ซื้อจำนวนมากอาจพยายาม “รับมีด” (ด้วยการซื้อตอนราคาตก) โดยเข้าซื้อ Bitcoin ในราคาที่พวกเขาคิดว่าต่ำ ประมาณ 56,000 ดอลลาร์ แต่หาก Bitcoin ไม่สามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ ก็อาจมีการถูกบังคับขายเพิ่มขึ้น เมื่อราคาต่ำลงจนถึงจุดที่ตั้ง Stop Loss ไว้ คำสั่งขายก็จะถูกสั่งโดยอัตโนมัติ ทำให้ราคายิ่งลดลงไปอีก หากมีแรงขายมากขึ้น ก็จะทำให้ราคา Bitcoin ยากที่จะทรงตัว และจะยิ่งทำให้ราคาร่วงเร็วขึ้น
  1. การขายและภาวะตลาดนิ่ง: หาก Bitcoin หลุด 57,000 ดอลลาร์ลงไป การขายโดยนักลงทุนสถาบันบางรายอาจยุติลงเนื่องจากสภาพคล่องที่ลดลง สถานการณ์นี้จะทำให้ตลาด Bitcoin เคลื่อนไหวออกด้านข้าง หรือที่เรียกกันว่า Sideways โดย Bitcoin จะมีราคาซื้อขายอยู่ระหว่าง 55,000 ดอลลาร์ ถึง 60,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ผู้ซื้อและผู้ขายต่างรอจังหวะที่เหมาะสมกว่านี้ ในทางกลับกัน Bitcoin อาจร่วงลงไปถึง 50,000 ดอลลาร์ หากนักลงทุนสถาบันยังคงขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นจะทำให้ราคา Bitcoin ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการกระทำของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งถือครอง Bitcoin จำนวนมาก หากการเทขายยังคงดำเนินต่อไป Bitcoin อาจฟื้นตัวยากในระยะสั้น และอาจนำไปสู่ภาวะตลาดขาลงที่ยาวนาน

ที่มา: u.today