ชุมชน Cardano แสดงความไม่พอใจอย่างมาก พร้อมลุกขึ้นสู้ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเครือข่าย โดยต้องการให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี DDoS ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
ตอนนี้หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง นักสืบได้ค้นพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้โจมตีเครือข่าย ทำให้ชุมชน Cardano ก็พร้อมลุกขึ้นสู้ ด้วยความอยากที่จะดำเนินคดีกับผู้โจมตี
ผู้โจมตีเครือข่าย Cardano อาจเชื่อมโยงกับ Kraken
เมื่อวันอังคารที่ 25 มิถุนายน ผู้โจมตีได้ใช้กลยุทธ์ Distributed Denial-of-Service (DDoS) โจมตีเครือข่าย Cardano โดยการส่งธุรกรรมหลายรายการ ซึ่งแต่ละรายการมีการรันสัญญา Smart Contract จำนวน 194 รายการ ที่มีชื่อว่า “REWARD”
เป้าหมายของผู้โจมตีคือ การทำให้เครือข่ายเกิดภาวะโหลด ด้วยการประมวลผลที่ไม่จำเป็น เพื่อขโมย ADA ที่ถูกล็อกไว้
แม้การโจมตีแบบสแปม จะทำให้ปริมาณงานบนเครือข่าย Cardano เพิ่มขึ้นเหนือระดับปกติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ SPO บางรายในทางลบ แต่โดยรวมแล้ว ผลกระทบนั้นน้อยมาก ซึ่ง Intersect รายงานว่า มีเพียง “ผลกระทบเล็กน้อย ต่อระยะเวลาธุรกรรมโดยรวม และความหนาแน่นของบล็อกที่ลดลงบ้าง”
Philip Disarro ผู้ก่อตั้งและCEO ของ Anastasia Labs ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาที่เน้น Cardano ระบุ กลยุทธ์การโจมตี DDoS ได้อย่างรวดเร็ว และแชร์มาตรการการรับมือลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ทำให้นักพัฒนาสามารถนำ ADA ที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาได้
หลังจากเหตุการณ์โจมตี PADDY ผู้ก่อตั้ง ADA Markets ได้ตรวจสอบพบว่า กระเป๋าเงินของผู้โจมตีทั้งสามใบล้วนมาจาก เว็บเทรดคริปโต Kraken ซึ่งจุดประกายความโกรธแค้นในชุมชน Cardano เป็นอย่างมาก
ชุมชน Cardano เรียกร้องความรับผิดชอบ
แม้ว่าผู้ถือครอง ADA จะชื่นชมความแข็งแกร่งของเครือข่ายต่อเรื่องการโจมตี แต่ชุมชน Cardano ก็ยังไม่พอใจ และเรียกร้องให้ผู้โจมตีต้องรับผิดชอบ
เนื่องจาก Kraken เป็นเว็บเทรดคริปโตที่ปฏิบัติตาม กฎ AML (Anti-Money Laundering – ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ) และมีการ KYC ดังนั้นจึงสันนิษฐานได้ว่า ทาง Kraken น่าจะมีข้อมูลส่วนบุคคลที่จะช่วยติดตามการจับกุมผู้โจมตีได้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ชัดว่า Kraken จะยอมจำนนต่อแรงกดดันจากชุมชน Cardano หรือไม่ แต่ทางบริษัทก็สามารถรายงานพฤติกรรมอาชญากรรมต่อเจ้าหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่
ซึ่งภายใต้พระราชบัญญัติการฉ้อโกง และการละเมิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกานั้น การโจมตี DDoS โดยไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าวถือเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งอาจส่งผลให้มีโทษจำคุกสูงสุด 19 ปี และปรับ 500,000 ดอลลาร์
ยังไม่แน่ชัดว่า Intersect หรือ IOHK จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำตัวผู้โจมตี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม Cardano ได้รับการอัปเกรดเล็กน้อย เพื่อป้องกันการโจมตีประเภทนี้ในอนาคต
ที่มา : dailycoin