ChatGPT ในปัจจุบันได้เป็นที่พูดถึงอย่างมากในประเทศไทย รวมถึงประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเพราะความฉลาดแสนรู้ของมัน ที่นำไปพลิกแพลงทำประโยชน์ได้หลายอย่างจนใคร ๆ ก็ต่างติดอกติดใจ
ทว่าบางคนที่ไม่ได้สนใจในเทคโนโลยี AI อาจคิดว่าการใช้งาน ChatGPT นั้นยุ่งยากและไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานก็ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันนั้นหากเรามีสกิลทักษะที่สามารถใช้งาน AI ได้ จะทำให้การใช้ชีวิตของเรานั้นง่ายขึ้นมาก ดังนั้นในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจะพาผู้อ่านทุกท่านมาทำความรู้จักกับ ChatGPT ว่ามันคืออะไร ใช้งานอย่างไร และทำอะไรได้ รับรองเลยว่าอ่านจบแล้วคุณจะอยากลองไปเล่นดูบ้าง
ChatGPT คืออะไร ?
ChatGPT หรือชื่อเต็ม ๆ คือ Chat Generative Pre-trained Transformer แชทบอต สุดอัจฉริยะที่พัฒนาโดยบริษัท OpenAI ผู้นำด้านเทคโนโลยีเอไอซึ่งตัวของมันเชี่ยวชาญด้านการสนทนา จากการฝึกฝนผ่านการใช้เทคโนโลยีโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่มีความสามารถในการประมวลผลภาษาที่ซับซ้อน
ChatGPT ทำอะไรได้บ้าง ?
ChatGPT ถึงจะดูเหมือนแชทบอทที่เราเห็นได้ทั่วไป แต่ตัวของมันมีฟังก์ชันและประโยชน์มากมายกว่านั้น โดยประโยชน์หลัก ๆ ที่คนนิยมใช้งานจะประกอบไปด้วย
- ถาม-ตอบ เรื่องทั่วไปได้ ทำให้เราไม่ต้องไปนั่งค้นคว้าจาก Google อีกต่อไปแล้ว
- พูดคุยสนทนาปรึกษาปัญหา หรือ ใช้ AI เป็นเพื่อนแก้เหงาก็มีให้เห็นมาแล้ว
- สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ช่วยงานด้านต่าง ๆ เช่น เขียนบท เขียนโค้ด แต่เรื่องราว
- แปลภาษา หมดปัญหาการแปลพลาดจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
มากไปกว่านั้น นอกเหนือจากการใช้งานแบบส่วนตัวแล้ว ChatGPT ยังสามารถนำมาปรับใช้กับองค์กรได้อีกด้วย เช่นนำมันไปตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
ChatGPT ใช้งานอย่างไร
สำหรับการเข้าใช้งาน ChatGPT นั้นก็เรียกได้ว่าง่ายมาก ๆ เพียงแค่ผู้ใช้กดเข้าไปที่เว็บไซต์ https://chat.openai.com/chat ก็สามารถเริ่มต้นใช้งาน ChatGPT ได้ในทันที ซึ่งต่อให้คุณไม่เก่งภาษาอังกฤษก็ไม่มีปัญหา เพราะมันยังรองรับการใช้ภาษาไทยในแพลตฟอร์มอีกด้วย ดังนั้นเมื่ออยากรู้อะไรก็สามารถพิมพ์ถามลงไปได้เลย
ข้อจำกัดของ ChatGPT
อย่างไรก็ตามแม้ว่า ChatGPT จะฉลาดเป็นอย่างมากและมีผู้ฝึกสอนนำข้อมูลมาเทรนเป็นจำนวนมากแต่ทางแพลตฟอร์มก็จำเป็นที่จะต้องตั้งกฎขึ้นมาเพื่อไม่ให้เทคโนโลยีดังกล่าวกลายเป็น “ภัยคุกคามได้” จึงทำให้ตัวของ ChatGPT ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันได้ทำให้คำตอบบางอย่างอาจออกมาผิดพลาดได้ และบางครั้งมันอาจมีความลำเอียงของข้อมูลในบางประเด็น ซึ่งผู้ใช้งานต้องใช้วิจารณญาณในจุดนี้ให้ดี
ส่วนในด้านของเนื้อหา หากผู้ใช้งานป้อนคำสั่งลงไปแล้วมันไม่สามารถตอบกลับมาได้ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะตัวของ ChatGPT ก็ไม่ได้รอบรู้ไปในทุกสิ่ง เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ ทว่าหากคำถามที่ส่งไปนั้นมีความล่อแหลม หรืออ่อนไหว ซึ่งขัดต่อกฎระเบียบการใช้งาน ทางระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้กลับมาเองว่าไม่สามารถให้คำตอบได้
ฟรีกับเสียเงินต่างกันอย่างไร
ทั้งนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเวอร์ชันใช้ฟรีกับเวอร์ชันเสียเงินนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าให้ตอบอย่างสั้นที่สุดคือความเก่าใหม่ของ “เวอร์ชัน”
ปัจจุบันผู้ใช้งาน ChatGPT แบบฟรีจะใช้งานเวอร์ชัน 3.5 อยู่ซึ่งเป็นโมเดลเก่าของ ChatGPT ที่ถูกจำกัดการใช้งานในด้านต่าง ๆ ขณะที่เวอร์ชันเสียเงินจะประกอบไปด้วยแบบ บุคคล และ ทีม แต่จะมีค่าบริการอยู่ที่ประมาณเดือนละ 20 ดอลลาร์ (700 บาท)
เวอร์ชันเสียเงินนั้นผู้ใช้งานจะได้สิทธิใช้งาน AI มากขึ้นและสามารถเข้าถึงโมเดล ChatGPT 3.5 , ChatGPT 4 , และ ChatGPT-4o ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุดที่มีความล้ำหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะทำการรีวิวฟังก์ชันต่าง ๆ เพิ่มเติมในบทความถัดไป
นอกเหนือจากนั้นแล้ว ChatGPT แบบเสียเงินยังมาพร้อมกับ DALL-E ที่เป็นเครื่องมือสร้างรูปภาพจากข้อความที่มีความเก่งกาจไม่แพ้ Midjourney หรือ Stable Diffusion เลยทีเดียว