Valentin Fournier นักวิเคราะห์จาก BRN ได้ออกมาเปิดเผยว่าสภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่ประเทศสหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้อาจบีบบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะทำให้ Bitcoin ได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก
รายงานการวิจัยของ BRN ที่เปิดเผยให้กับ Decrypt ได้ชี้ว่าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศจริง มันจะผลักดันให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจนสามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้แม้ว่าทั่วโลกจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
โดย Fournier ชี้ว่าความเห็นของ Jerome Powell, ประธานธนาคารกลางสหรัฐล่าสุดได้บ่งชี้ว่าพวกเขาจะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ หลังออกมาแสดงความมั่นใจได้จะสามารถรักษาอัตราเงินเฟ้อเอาไว้ที่ 2% ได้
ซึ่งหนึ่งในคำพูดที่ตอกย้ำความคิดของ Powell คือการกล่าวให้การในวันอังคารที่ผ่านมาว่า “ข้อมูลที่ได้มาในไตรมาสแรกของปีนี้ไม่ได้สนับสนุนความเชื่อมั่นที่มากขึ้นดังกล่าว” “อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าเล็กน้อย และหากมีข้อมูลที่ดีมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้เราเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวไปที่ 2% อย่างยั่งยืน”
ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่า สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงกว่าที่คาด หลังสำนักงานสถิติแรงงานได้ออกมาเปิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอัตราการว่างงานได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.1% จาก 4% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ซึ่งการที่ประชากรว่างงานเพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ และการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และอาจทำให้มีสภาพคล่องการซื้อขายในตลาดเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตัวเลขตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้ มีความเป็นไปได้ของการล้าง Short position มากถึง 1 พันล้านดอลลาร์ และอาจผลักดันให้ Bitcoin ให้พุ่งกลับสู่ระดับ 60,000 ดอลลาร์
“ตอนนี้ตลาด Bitcoin ได้ผ่านเหตุการณ์เทขายอย่างหนักของรัฐบาลเยอรมันแล้ว … Bitcoin อาจยังคงผลักดันต่อไปหลังจากการประกาศ CPI และบีบ Short ที่ต่ำกว่าระดับ 60,000 ดอลลาร์ได้มากถึง 1 พันล้านดอลลาร์”
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Decrypt