Donald Trump วางแผนที่จะปล่อยคอลเลกชัน NFT ชุดที่ 4 หลังจากที่เขารอดชีวิตมาจากเหตุการณ์การลอบสังหาร เพื่อทำตามคำเรียกร้องของประชาชน ตามการสัมภาษณ์ของ Bloomberg Businessweek เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ในการสัมภาษณ์ Trump กล่าวว่าคอลเลกชัน NFT ก่อนหน้านี้ของเขา “ประสบความสำเร็จอย่างมาก การ์ด NFT 45,000 ใบขายหมดภายในวันเดียว ซึ่งผมทำมันมา 3 ครั้งแล้ว และผมก็จะทำมันอีกเป็นครั้งที่ 4 เพราะว่าประชาชนต่างเรียกร้องให้ผมทำมันอีก”
ก่อนหน้านี้ Trump เคยพูดถึงไอเดียการปล่อยคอลเลกชัน NFT ชุดที่ 4 ในงานกาล่าสำหรับผู้ถือ NFT ของเขาที่ Mar-a-Lago ในเดือนพฤษภาคม แต่ตอนนั้นยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจน โดย Trump กล่าวว่า “ผลงานชิ้นแรก ประสบความสำเร็จ ยอดเยี่ยม ชิ้นที่สองก็ยอดเยี่ยม ชิ้นที่สามก็ยอดเยี่ยม แต่มันอาจจะเปลี่ยนไปสักวัน”
แต่ในขณะที่อุตสาหกรรมคริปโตกำลังสนับสนุนแคมเปญการเลือกตั้งใหม่ของ Trump อดีตประธานาธิบดีก็ดูเหมือนจะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นในการยอมรับ NFT และคริปโต เนื่องจากในเดือนพฤษภาคม แคมเปญของทรัมป์เริ่มยอมรับการบริจาคด้วยเงินคริปโต
รายงานเมื่อวันอังคารจาก Wall Street Journal ที่พูดถึงข้อมูลใหม่จากคณะกรรมการการเลือกตั้งสหพันธรัฐ (FEC) พบว่า จากจำนวนเงินประมาณ 331 ล้านดอลลาร์ ที่แคมเปญการเลือกตั้งของ Trump ระดมทุนได้ ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์มาจากคริปโต ในไตรมาสที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ Trump ได้ประกาศให้สมาชิกวุฒิสภา J.D. Vance (R-Ohio) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน Bitcoin ให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ผู้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมคริปโต อาทิ Jesse Powell ผู้ร่วมก่อตั้ง Kraken และ ฝาแฝด Winklevoss ผู้ร่วมก่อตั้ง Gemini ก็ได้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับแคมเปญการเลือกตั้งของ Trump เช่นกัน
Trump กล่าวเสริมว่า “เขาได้รู้จักผู้คนมากมาย จากอุตสาหกรรมคริปโตที่งานระดมทุนของเขา” โดย Trump เรียกพวกเขาว่า “บุคคลชั้นนำ”
อย่างไรก็ตามในอดีต Trump เคยเป็นนักวิจารณ์คริปโตตัวพ่อ แต่ตอนนี้เขาบอกกับ Bloomberg Businessweek ว่าเขาเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้เพราะ “ถ้าเราไม่ทำ จีนจะมารับช่วงต่อและจีนจะได้ไป หรือใครสักคน แต่ส่วนใหญ่เป็นไปได้ว่าจะเป็นจีน เนื่องจากจีนให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างมาก” Trump กล่าว
Trump เชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ มีรากฐานที่มั่นคงสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต พร้อมกล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่นว่า “ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมคริปโตยังมีขนาดเล็กอยู่ในขณะนี้ แต่ผมไม่ต้องการเป็นคนที่ต้องมารับผิดชอบในการปล่อยให้ประเทศอื่นมาครอบครองอุตสาหกรรมคริปโต”
ที่มา:coindesk