<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ไขข้อข้องใจ : สาเหตุที่ AI ใช้พลังงานมหาศาล แต่ทำไมถึงไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เหมือน Bitcoin?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ประโยชน์ของ AI นั้นชัดเจนสำหรับคนทั่วไปมากกว่าสกุลเงินดิจิทัล และความเสี่ยงของ AI นั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก จนทำให้ความกังวลเรื่องการใช้พลังงานดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย

เมื่อเดือนที่ผ่านมา บริษัทขุด Bitcoin อย่าง Core Scientific (CORZ) ได้ลงนามข้อตกลงด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขนาดกำลังไฟฟ้า 200 เมกะวัตต์ (MW) กับ CoreWeave บริษัท cloud computing โดย Core Scientific ตกลงที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่บางส่วน เพื่อเป็นเจ้าภาพรองรับให้กับ GPU ของ CoreWeave สำหรับการดำเนินการคำนวณประสิทธิภาพสูง

นักขุดเหมืองผู้สนับสนุน Bitcoin และนักเทคโนโลยีได้พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง AI และ Bitcoin มาสักระยะหนึ่งแล้ว และข้อตกลงระหว่าง Core Scientific และ CoreWeave นี้เป็นการรวมตัวอย่างเป็นทางการของอุตสาหกรรมทั้งสองที่มีการพูดถึงมาก ซึ่งการรวมตัวกันนี้ดูสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

นักขุด Bitcoin ได้สร้างศูนย์ข้อมูลที่แข็งแกร่ง พร้อมกับสัญญาพลังงานที่น่าสนใจ และเมื่อการขุด Bitcoin มีแนวโน้มที่จะได้ผลกำไรน้อยลง การจัดหาโครงสร้างพื้นฐานให้กับบริษัท AI ถือเป็นวิธีที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาในการแก้ไขปัญหา (จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น)

เช่นเดียวกับ Bitcoin ไม่ใช่ทุกคนจะตื่นเต้นกับ AI และผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ AI ก็มีความกังวล เช่น มีอคติ, ความโปร่งใส ,ความเป็นส่วนตัว , ความปลอดภัย ความถูกต้อง และ (แย่ที่สุด) การขโมยงานศิลปะที่แย่เพื่อสร้างงานศิลปะที่แย่กว่าเดิม

แต่สำหรับคนที่เคยอยู่ในช่วงเวลาของกระแสข่าวเกี่ยวกับ Bitcoin จะเห็นได้ชัดว่า มีสิ่งสำคัญบางอย่างที่ไม่ได้รับความสนใจจากความคลั่งไคล้ AI ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของ Bitcoin นั่นคือ การใช้พลังงาน

AI จะต้องใช้พลังงานมากขึ้นอีกมาก เพื่อขับเคลื่อนให้ศูนย์ข้อมูลสามารถผลิตข้อมูลจาก AI ได้ ธนาคารเพื่อการลงทุน Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ศูนย์ข้อมูลจะใช้พลังงาน 8% ของอุปทานพลังงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2030 (เพิ่มขึ้นจาก 3% ในปี 2022) ซึ่ง AI เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ

การวิจัยเพิ่มเติมจากบริษัทพลังงานฝรั่งเศส Schneider Electric แสดงให้เห็นว่า ส่วนแบ่งของ AI สำหรับความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% -20% ภายในปี 2028 (เพิ่มขึ้นจากประมาณการ 8% ในปี 2023) มีการคาดการณ์และการประมาณการอื่น ๆ อีกมากมาย 

เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมถึงมีบทความ และบทความวิเคราะห์มากมายเกี่ยวกับ Bitcoin ที่ใช้ “จำนวนพลังงาน… ของประเทศต่าง ๆ” แต่ไม่ใช่สำหรับ AI?

เงิน อำนาจ ความเคารพ

เงินลงทุนจำนวนนับแสนล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่ภาค AI และอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ของ AI ซึ่งเห็นได้จาก ชิป AI ของ Nvidia (NVDA) เพิ่มขึ้น 175% ในปีนี้ แต่ Bitcoin ไม่มีธุรกิจนั้น เมื่อกระแสเริ่มดัง ก็ไม่มีใครพยายามหาทางลงทุนมูลค่าแสนล้านดอลลาร์ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin อย่างจริงจัง (ยกเว้นกองทุน Bitcoin ETF)

เมื่อเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้ามา บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Google, Microsoft, Amazon และ Meta ก็ตามมาพร้อมกับอำนาจในการสร้างอิทธิพล บริษัททั้งสี่นี้มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เป็นยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าเป็นล้านล้านดอลลาร์ และเป็นปรมาจารย์ด้านการประชาสัมพันธ์ จะมีกี่คนที่ได้ยินคำว่า “ศูนย์ข้อมูล” แล้วคิดว่า “โอ้โห เสียเปล่า! พลังงานเยอะขนาดนั้น!”? มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา

ซึ่งด้วยเงินและอิทธิพลมากมายเหล่านี้ คนจึงให้ความเคารพต่อปัญญาประดิษฐ์ AI มากขึ้น Satya Nadella CEO ของ Microsoft และ Mark Zuckerberg  CEO ของ Meta กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์สามารถเปลี่ยนโลกได้และเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องน่าชื่นชม 

เมื่อมีคนทวีตข้อความบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่า Bitcoin สามารถเปลี่ยนโลกได้และเป็นสิ่งที่ดี นั่นก็เป็นเรื่องน่าชื่นชมเช่นกัน แต่เป็นเรื่องน่าชื่นชมในรูปแบบอื่น

ลองจินตนาการดูว่า AI กลายเป็นสิ่งมีชีวิตและครองโลก จากนั้นเริ่ม “ใช้ประโยชน์จากความร้อนและไฟฟ้าของมนุษย์เป็นแหล่งพลังงาน” ใครจะมีเวลาไปกังวลเรื่องต้นทุนพลังงานของ AI เมื่อ AI มีอิทธิพลขนาดนี้ ?

สำหรับ Bitcoin สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคืออะไร? มันล่มสลาย และคนที่คุณรู้จักสูญเสียเงินจำนวนมาก? หรืออาจจะประสบความสำเร็จและโค่นล้มธนาคารกลางสหรัฐฯ และ Bitcoin อาจกลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลก?

ทั้งสองสถานการณ์ล้วนเป็นสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ในระหว่างนี้ คุณเคยเห็นหรือไม่ว่า Bitcoin ใช้พลังงานไปมากแค่ไหน? 

ถ้าหาก Bitcoin ประสบความสำเร็จ บางคนก็รวยขึ้น และถึงแม้ว่าคำพูด ” Bitcoin แก้ไขเงิน แก้ไขโลก” เป็นคำพูดทั่วไปสำหรับ Bitcoin แต่ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปมากจริง ๆ หรือ ถ้า Bitcoin ชนะ? ในขณะเดียวกัน เรื่องราวหลักเกี่ยวกับ AI คือ มันจะทำให้งานของคุณล้าสมัย? 

ในทางกลับกัน คนทั่วไปจำนวนมากกำลังใช้ AI เพื่อสร้างงานศิลปะที่พวกเขาแชร์บนโซเชียลมีเดีย ,ใช้ช่วยเขียนรายงาน หรือสร้างมีม Wojak จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลายคนกำลังใช้ AI เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองกันทั้งสิ้น

จุดสำคัญคือ ประโยชน์ของ AI นั้นชัดเจนต่อคนทั่วไป ทำให้ลดความกังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงาน ในขณะที่มูลค่าของ Bitcoin นั้นไม่ชัดเจน (การชำระเงินที่ต้านทานต่อการเซนเซอร์ หรือเป็นสินทรัพย์ที่ยากต่อการยึดทรัพย์ จะไม่มีความสำคัญจนกว่าคุณจะต้องการใช้มัน ซึ่งในเวลานั้นมันเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญ)

ที่มา : coindesk