<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Meta เตรียมลดงบประมาณสำหรับใช้ใน metaverse ลง 20% หลังบริษัทขาดทุนยับในไตรมาสที่ 2

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มีรายงานว่า Meta จะลดงบประมาณของ Reality Labs ซึ่งเป็นแผนกที่รับผิดชอบในการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ metaverse ของบริษัทลงประมาณ 20% ระหว่างปัจจุบันถึงปี 2026

สิ่งนี้เป็นไปตามรายงานของ The Information และสอดคล้องกับข้อบ่งชี้ล่าสุดที่ Meta วางแผนที่จะเปลี่ยน Reality Labs เข้าสู่โหมดการผลิตก่อนการเปิดตัวฮาร์ดแวร์ระดับสูงหลายตัวซึ่งมีกำหนดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

นักวิเคราะห์ของ Bank of America ให้ความเห็นว่ามาตรการลดต้นทุนจะทำให้ Meta ประหยัดเงินได้ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์

ตัวเลขไตรมาส 1 ปี 2024

ช่วงเวลาของมาตรการลดต้นทุนคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับคนวงใน การประชุมเปิดเผยตัวเลขครั้งต่อไปของ Meta จะเกิดขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม และนักวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่บริษัทประกาศตัวเลขรายรับออกมาอยู่ที่ 36,450 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27% จากปี 2023

อย่างไรก็ตาม Reality Labs รายงานตัวเลขขาดทุนของบริษัทเอาไว้ที่ 3,800 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ แม้ว่าการขาดทุนในบางส่วนอาจไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามของบริษัทในการพัฒนาด้าน metaverse

ตามที่ Cointelegraph รายงานในเดือนเมษายน Mark Zuckerberg CEO ของ Meta บอกกับนักลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ของบริษัท ว่า “งาน Reality Labs ของเรากำลังเพิ่มเงินทุนมากขึ้นเพื่อรองรับความพยายามด้าน AI ของเรา”

ปี 2024 และต่อๆ ไป

เป็นไปได้ว่ามาตรการลดต้นทุนที่ประกาศเมื่อไม่นานมานี้อาจบอกได้ถึงการปรับเปลี่ยนความพยายามของแผนกโดยมีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนักประดิษฐ์ที่ต้องการหยุดยั้งกระแสเงินที่หลั่งไหลเข้าสู่ Reality Labs จนถึงตอนนี้ ทางแผนกนี้ได้สูญเสียงบประมาณไปร่วม 55,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2019

แม้ว่านี่อาจเป็นข้อบ่งชี้แรกของ Zuckerberg ที่บอกได้ว่าเขาเต็มใจที่จะควบคุม Reality Labs อย่างเต็มที่แต่ชะตากรรมสุดท้ายของแผนกนี้น่าจะขึ้นอยู่กับตลาดผู้บริโภคกระแสหลักที่จะเปิดกว้างสำหรับผลิตภัณฑ์ VR และ AR รุ่นต่อไปหรือไม่

บริษัทตั้งใจที่จะเปิดตัวชุดหูฟัง Quest VR รุ่นต่อไปและแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ที่มีส่วนประกอบด้านภาพและ “neural interface” ที่สวมข้อมือในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีชุดหูฟังโฮโลแกรมเต็มสูบซึ่งเป็นตัวต้นแบบอยู่ในผลิตภัณฑ์แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าจะเปิดตัวภายในกรอบเวลาเดียวกันหรือไม่

ที่มา : Cointelegraph