<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก! หรือ Bitcoin จะเป็นทางออก?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา หนี้สาธารณะของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้พุ่งขึ้นทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก

ทว่าการที่หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นอาจช่วยส่งเสริมการนำ Bitcoin มาใช้ และเสริมสถานะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ตามที่ Matt Bell ซีอีโอของ Turbofish กล่าวกับ Cointelegraph

“หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนของสกุลเงิน Fiat แบบดั้งเดิม ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของ Bitcoin ในฐานะ ‘เงินสด’ ที่เป็นสินทรัพย์ที่กระจายอำนาจและเกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการลดค่าเงิน”

เพราะในช่วงที่ค่าเงิน Fiat ลดค่าลง นักลงทุนมักจะมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น Bitcoin และทองคำ เพื่อช่วยปกป้องอำนาจซื้อของตน ซึ่งจะช่วงให้ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นในช่วงที่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมประสบปัญหา

แนวโน้มที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้นักวิเคราะห์ของ Bitfinex ได้ออกมาชี้ว่า Bitcoin จะได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้นในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่น่าดึงดูดน้อยลง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับการชำระหนี้ ไม่ใช่ในภาคการผลิต

“หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า 35 ล้านล้านดอลลาร์นั้นเน้นย้ำถึงความสำคัญของ Bitcoin ในฐานะ ‘เงินสด’ และอาจทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับวงจรขาขึ้นครั้งต่อไปของ Bitcoin […] สิ่งนี้อาจผลักดันให้ผู้ลงทุนมองหาแหล่งเก็บมูลค่าทางเลือกเช่น Bitcoin ซึ่งมักจะถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความขาดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ”

นักวิเคราะห์ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า วิกฤตหนี้ที่กำลังใกล้เข้ามาถึงนี้จะหลีกเลี่ยงได้หากดอลลาร์สหรัฐเป็น “สกุลเงินที่แข็งค่า” หรือ Hard money

“หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ จำนวนมากในปัจจุบันเกิดจากภาวะเงินเฟ้อ การสูญเสียมูลค่าของสกุลเงินเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น และความสะดวกในการพิมพ์เงินของรัฐบาลใดๆ ก็ตาม ในขณะที่ Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าอย่างแท้จริงเพียงสกุลเดียว เนื่องจากได้รับการปกป้องจากภาวะเงินเฟ้อในระดับหนึ่ง มีอุปทานจำกัด มีความคงทนเนื่องจากมีลักษณะเป็นดิจิทัล และหาได้มากขึ้นเรื่อยๆ”

นอกจากนี้ CEO ของ Turbofish อย่าง Bell ก็ได้ออกมากล่าวเสริมว่าผู้คนจะหันมาให้ความสนใจใน Bitcoin มากขึ้น รวมถึงการตระหนักรู้และการนำไปใช้และทำให้ Bitcoin ขึ้นมาเป็นเงินที่สำคัญในภูมิทัศน์ทางการเงินโลก

“เมื่อบุคคลและสถาบันต่างๆ ตระหนักถึงข้อจำกัดของระบบการเงินในปัจจุบันมากขึ้น เราอาจเห็นการนำ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ มาใช้เพิ่มมากขึ้น […] การตระหนักรู้และการนำไปใช้ที่เพิ่มขึ้นนี้อาจทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการก้าวขึ้นในวงจรของ Bitcoin และทำให้มูลค่าของ Bitcoin สูงขึ้นและกลายมาเป็นส่วนสำคัญยิ่งขึ้นของภูมิทัศน์ทางการเงินโลก”

ที่มา: Cointelegraph