กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล 11 คน ถูกปล้น Bitcoin ขณะเข้าร่วมงานสังสรรค์บนชายหาด Santa Teresa de Cóbano ใน Puntarenas ประเทศคอสตาริกา
คนร้ายมีอย่างน้อย 8 คน ซึ่งมีอาวุธครบมือและดูเหมือนจะผ่านการฝึกอบรมทางตำรวจมา คนร้ายเดินทางมาด้วยรถยนต์หรู 2 คัน และสามารถควบคุมตัว รปภ. ของกลุ่มนักท่องเที่ยวได้สำเร็จ ก่อนบังคับให้กลุ่มนักท่องเที่ยวส่งมอบทรัพย์สินของตน รวมถึงส่ง Bitcoin มูลค่าประมาณ 700,000 ดอลลาร์
รายละเอียดของการโจรกรรม
คนร้ายบางคนที่สวมชุดคล้ายตำรวจ ย้ายนักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในระหว่างการปล้น ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ โดยแสดงให้เห็นถึงวิธีการดำเนินการอย่างเป็นระบบของคนร้าย ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยว่า นี่อาจเป็นการร่วมมือกันภายในที่เชื่อว่ามีคนใกล้ชิดอยู่ร่วมกับกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยอาจแจ้งเบาะแสให้กับคนร้าย เนื่องจากดูเหมือนคนร้ายจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเงินของนักท่องเที่ยวมาก่อน
การสืบสวนยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
หน่วยงานสอบสวนคดียุติธรรมในคอสตาริกา กำลังสืบสวนคดีนี้เพื่อระบุตัวของผู้กระทำผิดและกู้คืนทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป เนื่องจากคนร้ายรู้เกี่ยวกับการถือครอง Bitcoin ของเหยื่อ ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า การปล้นครั้งนี้ถูกวางแผนโดยใช้ข้อมูลวงใน
เหตุการณ์นี้ชวนให้นึกถึงอาชญากรรมที่คล้ายกัน ในกรุง Kyiv ประเทศ Ukraine ซึ่งชาย 4 คน ถูกจับกุมในข้อหาลักพาตัวและฆ่าชาวต่างชาติเพื่อชิง Bitcoin เกือบ 3 BTC อาชญากรในคดีดังกล่าวตามเหยื่อกลับบ้าน แล้วบังคับให้เหยื่อโอน Bitcoin จากนั้นจึงฆ่าเหยื่อและฝังศพไว้ในป่า
อาชญากรรมคริปโตที่เพิ่มขึ้น
เหตุการณ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของผู้ถือครองคริปโต เนื่องจากต้องเผชิญกับอาชญากรที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในการโจมตีบุคคลที่มีสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก
ตามรายงานของ Chainalysis ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เปิดเผยว่า อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น และยากต่อการติดตามจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มบุคลากรและเทคโนโลยีที่มากขึ้น ในหน่วยงานภาครัฐเพื่อรับมือกับอาชญากรรมคริปโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา : coinradar.news