“พ่อรวยสอนลูก” ออกโรงเตือน วิกฤตการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังมา !

Robert Kiyozaki นักธุรกิจและนักลงทุนผู้เขียนหนังสือขายดีทั่วโลกที่มีชื่อว่า “พ่อรวยสอนลูก” ได้ออกมาประกาศเตือนถึงการล่มสลายของตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kiyozaki ประกาศว่าเขาเตรียมพร้อมแล้วสำหรับ “การล่มสลายของตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก” โดยกล่าวว่า “การล่มสลายและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอาจทำให้ตัวเขาเองและผู้ที่เตรียมพร้อมกลายเป็นคนที่ร่ำรวยมากๆ” พร้อมทั้งมีการเตือนถึง 3 ผู้นำของสหรัฐอเมริกาตามที่โพสต์ใน X ของเขาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม

อันที่จริงแล้ว Kiyozaki กำลังกล่าวถึงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน Kamala Harris, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Janet Yellen และประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ Jerome Powell โดยเขาได้เปรียบเทียบสองท่านหลังอย่างไม่ค่อยดีนักกับตัวละครในรายการโทรทัศน์ยอดนิยม รวมถึงบอกกับผู้ติดตามของเขาว่า “การล่มสลายอาจเป็นเรื่องที่ดี” สำหรับผู้ที่เตรียมพร้อมสำหรับมัน

ทรัพย์สินที่สามารถต่อต้านนโยบายที่เป็นอันตรายของ Fed

Kiyosaki ได้เปิดเผยถึงสินทรัพย์ที่จะสามารถปกป้องความมั่งคั่งของผู้คนจาก “นโยบายที่เป็นอันตรายต่อประชาชน” ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาทิเช่น ทองคำ, แร่เงิน และสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin (BTC) และอีเธอเรียม (ETH) 

“ใครก็ตามที่ถือทองคำ แร่เงิน หรือ Bitcoin พวกเราก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ต่อต้านระบบ (…) Bitcoin และ Ethereum เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่งหมายความว่า Fed จะไม่สามารถเข้ามาควบคุมมันได้ และกระทรวงการคลังหรือแม้แต่นักการเมืองก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทั้งสองนี้”

ช่วงก่อนหน้านี้  Kiyozaki ได้เน้นไปที่ทรัพย์สินทางการเงินแบบกระจายศูนย์ ( DeFi) โดยกล่าวว่าการล่มสลายล่าสุดของตลาดทั่วโลกเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสะสมทรัพย์สินที่กำลังทำราคาลดลง รวมถึงบิตคอยน์ ทองคำ และแร่เงิน เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ควรกล้าในขณะที่คนอื่น ๆ หวาดกลัว

ในขณะเดียวกัน Bitcoin เริ่มฟื้นตัวขึ้นโดยสามารถกลับขึ้นมายืนเหนือระดับสำคัญที่ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้สำเร็จ และคาดว่าราคาจะไปถึง 170,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงต้นปี 2025 แต่ไม่แน่ว่าก่อนหน้านั้นอาจจะต้องผ่านการล่มสลายอย่างรุนแรง 

อย่างไรก็ดี Robert Kiyozaki เคยออกโรงเตือนเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาดการเงินมานานแล้ว ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของตลาดอย่างละเอียดและรอบคอบ เนื่องจากแนวโน้มในอนาคตของตลาดนั้นไม่มีอะไรแน่นอน

ที่มา:Finbold