หน่วยงานความมั่นคงของจีนประกาศในวันที่ 23 สิงหาคมว่า หน่วยงานทางการของจีนและไทยได้จัดตั้งกลุ่มปฏิบัติการพิเศษที่มีชื่อว่า Hunting Fox หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “จิ้งจอกนักล่า” ขึ้น เพื่อทำการล่าตัวผู้กระทำความผิดชาวจีน และส่งตัวนาย ‘จาง’ กลับไปยังจีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทางการไทยได้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ชื่อ นาย ‘จาง’ (Zhang) กลับสู่ประเทศจีน โดย นาย ‘จาง’ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำในเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลมูลค่ากว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ นาย ‘จาง’ เป็นผู้ต้องสงสัยอาชญากรรมทางการเงินคนแรกที่ถูกส่งกลับผ่านสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างจีนและไทย นับตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 1999
นับตั้งแต่ปี 2012 นาย ‘จาง’ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำในโปรเจกต์คริปโตชื่อ “MBI Group” ซึ่งทำการล่อลวงนักลงทุนให้จ่ายค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิก มูลค่าตั้งแต่ 700 หยวน ($98) ถึง 245,000 หยวน ($34,300) ผ่านการออกสกุลเงินดิจิทัล
รัฐบาลจีนกล่าวว่ากลุ่มนี้ได้ล่อลวงสมาชิกกว่า 10 ล้านคน ด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูง โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 100,000 ล้านหยวน หรือ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตามประกาศของตำรวจ ตำรวจในเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเป็นเมืองชั้นนำทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ได้เริ่มการสอบสวน นาย ‘จาง’ ในเดือนพฤศจิกายน 2020 และต่อมาในเดือนมีนาคม 2021 หน่วยงานตำรวจอินเตอร์โพลของจีนได้ออกหมายจับ นาย ‘จาง’
ในเดือนกรกฎาคม 2022 ตำรวจในประเทศไทยได้จับกุมชายคนดังกล่าว และศาลในประเทศไทยได้ตัดสินให้ส่งตัว นาย ‘จาง’ กลับไปยังประเทศจีนในเดือนพฤษภาคมปีนี้
อย่างที่รู้กันจีนได้สั่งห้ามกิจกรรมการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีในแผ่นดินใหญ่ในปี 2021 แต่ยังคงมีนักลงทุนจำนวนมากที่พยายามเลี่ยงกฎเกณฑ์นี้ โดยในเดือนพฤษภาคม ตำรวจจีนได้ทลายธนาคารใต้ดินที่ใช้เหรียญสเตเบิลคอยน์ USDT ในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ โดยมีมูลค่าการทำธุรกรรมอย่างน้อย 13,800 ล้านหยวน (1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ล่าสุดในเดือนสิงหาคม หน่วยงานกฎหมายระดับสูงของจีนได้แก้ไขกฎหมายโดยเพิ่มการใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อโอนเงินที่ผิดกฎหมายว่าเป็นวิธีการฟอกเงิน ซึ่งทำให้การสืบสวนและการดำเนินคดีในกรณีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลเป็นไปได้ง่ายขึ้น
ที่มา:theblock