เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา Pavel Durov ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Telegram ถูกจับกุมในกรุงปารีสหลังจากทางการฝรั่งเศสออกหมายจับระหว่างประเทศ โดยสาเหตุของการจับกุมครั้งนี้เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดการควบคุมเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม ตามกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปอย่าง Digital Services Act
ซึ่งหลังจากที่ข่าวการจับกุมตัวได้เผยแพร่ออกไป คนบนโลกออนไลน์ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการขอให้ปล่อยตัว Durov เพื่อรักษาเสรีภาพในการพูดคุย รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
และเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม บัญชีทางการของ Telegram ได้โพสต์บน X (Twitter) ว่าแพลตฟอร์มของพวกเขาปฏิบัติตามกฎหมายของสหภาพยุโรปอย่างเต็มที่ และมีการควบคุมเนื้อหาที่สอดคล้องกับมาตรฐานของอุตสาหกรรม
โดยบริษัทฯ เน้นว่า Durov มักเดินทางในยุโรปบ่อยครั้ง และปฏิเสธว่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มหรือผู้ก่อตั้งไม่ควรถูกถือว่ารับผิดชอบต่อการใช้งานที่ผิดของผู้ใช้ พร้อมกับตอกย้ำว่า Durov ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
“ผู้ใช้งานเกือบพันล้านคนทั่วโลกใช้ Telegram ในการสื่อสารและรับข้อมูลสำคัญ เราหวังว่าจะมีการแก้ไขสถานการณ์นี้ในเร็ววัน Telegram อยู่เคียงข้างพวกคุณทุกคน”
ซึ่งการจับกุม Durov ในครั้งนี้ก็ได้จุดชนวนการถกเถียงอย่างดุเดือดบนโลกออนไลน์ โดยแฮชแท็ก #FreeDurov และ #FreePavel ได้ติดเทรนด์ ซึ่ง Edward Snowden อดีตเจ้าหน้าที่ NSA ของอเมริกาและผู้แจ้งเบาะแสยังประณามการจับกุมนี้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
ในขณะเดียวกัน Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX ก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การจับกุมของผู้นำด้านเทคโนโลยีคนนี้ พร้อมกับตั้งคำถามว่าทำไม Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ถึงไม่ถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับ Durov ในขณะที่ Instagram ยังคงมีปัญหาการแสวงหาประโยชน์จากเด็กอยู่
นอกจากนี้ Samson Mow ซีอีโอของ Jan3 ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการใช้ Bitcoin ยังได้แสดงความสนับสนุนให้มีการปล่อยตัว Durov แต่เขาก็ได้วิจารณ์กลยุทธ์การดำเนินงานของ Telegram ที่มีความเสี่ยงอยู่เนื่องจากไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นค่าเริ่มต้น จนทำให้แพลตฟอร์มตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากผู้กำกับดูแล
ที่มา: Cryptopotato