<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘อ.ตั๊ม’ เผย คนยุคใหม่ต้องฝืนเป็นนักลงทุน เพื่อที่จะเอาตัวรอดในยุคสมัยนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วันนี้ทาง Siam blockchain ได้รับเกียรติในการเข้าร่วมงาน Thailand Bitcoin Conference 2024 ณ อาคาร True Digital Park ซึ่งในเซสชันที่ 2 ของงาน “อ.ตั๊ม” พิริยะ สัมพันธารักษ์ และ “ดร. บิ๊ก” ดร. ณปภัช ปิยไชยกุล จากช่อง The big secret ได้ขึ้นเวทีในหัวข้อ Unfolding Fiat Debt Slavery

ต่อเนื่องมาจากเซสชันแรกของ ดร.วิชิต ในช่วงเช้า กูรูทั้งสองท่านได้ย้ำชัดอีกครั้งว่า เงินเก็บของเราไม่สามารถรักษามูลค่าได้ ขณะที่ความมั่งคั่งไม่ก็ไม่สามารถส่งต่อได้จากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ปัจจุบันผู้คนใช้เวลาไปกับการเอาตัวรอดมากกว่านำมาคิดนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ทำให้เรากลายเป็นทาสโดยที่ไม่รู้ตัว

อ.ตั๊มกล่าวว่า ปัจจุบันแม้ระบบทาสจะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่มันกลับยังคงอยู่ในสังคมเพียงแต่มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นรูปแบบใหม่ คือทาสที่ต้องหาเลี้ยงตนเอง เป็นทาสที่ไม่ได้รับการดูแล ซึ่งมีหน้าที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งพอทาสไม่สามารถหาเลี้ยงตนเองได้ จึงจำเป็นต้องหันไปพึ่งรัฐ ส่งผลให้พวกเขายิ่งมีอำนาจต่อชีวิตเรามากยิ่งขึ้นในหลาย ๆ ปัจจัย จนเกิดเป็นวังเวียนที่ทำให้เราไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้ โดยเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าในตอนนี้คนเราทำอาชีพกันมากกว่าหนึ่งอาชีพ ซึ่งถึงแม้จะทำงานหนักยิ่งขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นมากมายมหาศาล

ด้าน ดร.บิ๊ก ก็ได้ให้ความเห็นว่าปัจจุบันเงินมีการเสื่อมค่าที่เร็วเกินไป จนทำให้ไลฟ์สไตล์ของคนเริ่มเปลี่ยน จากที่เคยอยากมีครอบครัวมีลูกหลายคนก็ตัดสินใจเลือกที่จะไม่มี เนื่องจากลำพังแค่เกษียณตัวเองจากงานยังแทบจะไม่สามารถทำได้ และเราจำเป็นต้องเก็บเงินไว้เท่าไรก็ไม่มีทางรู้ได้เพราะมันมีแต่จะเสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ

การลงทุนจึงเป็นกลายเป็นทางรอดที่นำไปสู่ความมั่งคั่ง ซึ่งมันก็จะเกิดปัญหาไปอีกว่าคนที่มีเงินอยู่แล้วก็จะยิ่งลงทุนต่อเพราะรู้สึกว่าเงินที่มีอยู่ยังไม่พอที่จะใช้เกษียณตนเอง ส่วนคนที่ยังไม่มีก็เร่งรีบอยากเข้ามาลงทุนโดยที่ยังไม่มีความรู้เพียงพอ และคิดว่าตนเองจะเป็น 1% ที่ประสบความสำเร็จ จนทำให้เงินจำนวนมากไหลกลับไปสู่คนที่อยู่ระดับบนของพีระมิด

อ.ตั๊ม ยังได้ยกตัวอย่างอีกว่าแต่ก่อนในยุคสมัยที่เงินยังไม่เสื่อมค่ามีสิ่งนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมามากมายในระยะเวลาอันสั้น แต่ในปัจจุบันเรากลับถูกนักเศรษฐศาสตร์หลอกลวงว่าเงินที่ไม่เสื่อมค่าจะทำให้คนเกียจคร้าน จึงทำการกระตุ้นผู้คนให้คอยตรากตรำทำงานเพราะเงินจะเสื่อมค่า โดยในศตววรษที่ 20 มันเลยแทบไม่มีนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกออกมาเลย เพราะมันอยู่ในโลกที่รัฐบาลต้องการจะเป็นผู้ควบคุม สอดแนมทุกอย่าง

​​ทั้งนี้ Bitcoin นั้นเป็นนวัตกรรมใหม่ เป็นสิ่งที่แน่นอน คือมีอัตราการผลิตคงที่ มีอุปทานสูงสุดคงที่ และมีกลไกที่เราเห็นได้ชัดอย่างการ halving ทำให้เราสามารถคำนวนได้แล้วว่าเราจำเป็นต้องมี Bitcoin เท่าไรถึงจะใช้ในชั่วชีวิตนี้ 

ดังนั้นการที่เรามีเงินทีมีความมั่นคง สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ มันจะกลายเป็นจุดที่ทำให้เราสามารถเริ่มเดินไปข้างหน้าได้ เวลาที่เคยถูกขโมยหายไปจากมนุษย์อันเป็นผลมาจากระบบการเงินในปัจจุบันก็จะกลับมา

สุดท้ายนี้ ดร.บิ๊ก ได้เตือนนักลงทุนไทยว่า อย่าไปคิดแต่เพียงว่าราคา Bitcoin จะไปได้เท่าไรทะลุแสนไหม เพราะการที่เราจ้องจะขาย Bitcoin ออกมาเป็นเงินเฟียต นั่นก็หมายความว่าเรายังคงไม่สามารถหลุดออกจากวังวนเดิม ๆ ได้