ราคา ETH พุ่งขึ้น 11.7% ระหว่างวันที่ 17 ถึง 19 กันยายน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 2,572 ดอลลาร์ การเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของ Open Interest ในสัญญาฟิวเจอร์ส Ether ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนสัญญาซื้อขายทั้งหมดในตลาดอนุพันธ์ ส่งผลให้นักเทรดเริ่มกังวลว่าเลเวอเรจที่สูงขึ้นอาจขยายความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้น
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงเอื้อต่อโมเมนตัมขาขึ้นของ ETH แต่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงเอื้อต่อโมเมนตัมขาขึ้นของ ETH แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความเสี่ยง
การฟื้นตัวของราคา ETH เมื่อเร็ว ๆ นี้สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 8.3% ของตลาดคริปโตโดยรวม ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการรวมกันของการลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาและข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง โมเมนตัมนี้ยังผลักดันให้ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 19 กันยายน อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงช่วยลดต้นทุนสำหรับบริษัทในการออกหนี้ใหม่ ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการปรับฐานของตลาดหุ้นที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงจากภาวะถดถอยได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ความไม่แน่นอนที่ยังคงดำเนินอยู่นี้ทำให้นักลงทุน cryptocurrency ยังคงระมัดระวัง และตั้งคำถามว่ายังเร็วเกินไปหรือไม่ที่จะประเมินความสำเร็จของกลยุทธ์ทางการเงินของเฟด
ในวันที่ 20 กันยายน หุ้น FedEx ร่วงลง 15% หลังจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเมื่อวันก่อน ซีอีโอ Raj Subramaniam กล่าวโทษผลประกอบการที่ขาดทุนเนื่องจาก “เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลง” และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ลูกค้าเปลี่ยนจากบริการจัดส่งสินค้าที่มีความสำคัญ ซึ่งโดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น Subramaniam ยังอ้างถึง “สภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่ท้าทาย” ที่ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรจากการดำเนินงาน
Open Interest ในสัญญาฟิวเจอร์ส ETH เพิ่มขึ้นท่ามกลางความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาค
แม้จะมีความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาคในวงกว้างเหล่านี้ แต่ Open Interest ในสัญญาฟิวเจอร์ส Ether พุ่งสูงขึ้นเป็น 4.66 ล้าน ETH ในวันที่ 19 กันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสถานะ leveraged
ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาเมื่อเร็ว ๆ นี้อธิบายได้อย่างชัดเจนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเลเวอเรจของ Ether ผ่านสัญญาฟิวเจอร์ส แต่ก็ไม่ได้บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในขาขึ้นที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักเทรด ในตลาดอนุพันธ์ ผู้ซื้อ (long) ทุกคนจะจับคู่กับผู้ขาย (short) แต่ระดับความต้องการเลเวอเรจมีความผันผวน ความแตกต่างนี้สามารถสังเกตได้จากการกำหนดราคาของสัญญาฟิวเจอร์ส ETH รายเดือน
พรีเมียมสัญญาฟิวเจอร์ส ETH มีเสถียรภาพท่ามกลาง Open Interest ที่เพิ่มขึ้น
เราอาจคาดหวังว่าความเชื่อมั่นในขาขึ้นจะเป็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังความต้องการสัญญาฟิวเจอร์ส Ether ที่เพิ่มขึ้น แต่ข้อมูลไม่ได้นำเสนอมุมมองที่แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้
พรีเมียมสัญญาฟิวเจอร์ส ETH ยังคงค่อนข้างคงที่ที่ประมาณ 6% ต่อปีนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 5% เล็กน้อย โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดต้องการพรีเมียมเพื่อชดเชยระยะเวลาการชำระบัญชีที่นานขึ้นในสัญญารายเดือน ในช่วงเวลาที่ตื่นเต้นสูง ตัวบ่งชี้นี้อาจเกิน 10% ได้อย่างง่ายดาย ดังเช่นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม
ความมั่นคงในพรีเมียมฟิวเจอร์สนี้บ่งชี้ว่ามีแรงจูงใจเพียงเล็กน้อยสำหรับนักเทรดที่จะมีส่วนร่วมในกลยุทธ์ ‘cash and carry’ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขายสัญญาฟิวเจอร์สในขณะเดียวกันก็ซื้อ ETH spot เพื่อจับพรีเมียมเป็นการซื้อขายตราสารหนี้ ดังนั้น เราสามารถอนุมานได้ว่ามีความต้องการสถานะ bearish บน Ether อย่างแท้จริง เนื่องจากพรีเมียมฟิวเจอร์สมีเสถียรภาพแม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
สภาพตลาดปัจจุบันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
เมื่อ ETH ฟื้นตัว 28% ทำให้ Open Interest ในสัญญาฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้นเป็น 4.44 ล้าน ETH ซึ่งต่ำกว่าระดับปัจจุบันเพียง 5% อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 พฤษภาคม พรีเมียมสัญญาฟิวเจอร์ส Ether พุ่งขึ้นเป็น 14% ซึ่งโดยทั่วไปบ่งชี้ถึงความต้องการเลเวอเรจที่มากเกินไปจากนักเทรดที่เชื่อมั่นในขาขึ้น ในครั้งนี้ ความเสี่ยงของการชำระบัญชีแบบเรียงซ้อนดูเหมือนจะต่ำกว่ามาก เนื่องจากการกระจายเลเวอเรจที่สมดุลมากขึ้นระหว่างสถานะ long และ short
ปัจจุบัน Binance และ Bybit เป็นผู้นำตลาดฟิวเจอร์ส Ether โดยมี Open Interest รวมกัน 11.9 พันล้านดอลลาร์ ควบคุมส่วนแบ่งตลาด 30% และ 17% ตามลำดับ ความเข้มข้นนี้บ่งชี้ถึงความต้องการค้าปลีกที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ OKX, Deribit และ Chicago Mercantile Exchange (CME) รวมกันคิดเป็น 24% ของ Open Interest ในสัญญาฟิวเจอร์ส ETH
แม้ว่า Open Interest จะเพิ่มขึ้น แต่การขาดการใช้เลเวอเรจที่มากเกินไปช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในระยะใกล้
ที่มา: cointelegraph