เมื่อวันที่ 24 กันยายน ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China – PBOC) ได้ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินจำนวน 140 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการลดอัตราส่วนเงินสำรอง (Reserve Requirement Ratio – RRR) ลง 0.5% เพื่อสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังประสบปัญหาและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
การเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้ Jamie Coutts นักวิเคราะห์คริปโตจาก Real Vision ออกมาชี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดจากจีนถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อราคา Bitcoin โดยตรง เนื่องจากมันอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางในประเทศอื่น ๆ เดินตามแนวทางนี้
Coutts ระบุว่า การเพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารกลางทั่วโลกได้ถึงจุดต่ำสุดแล้วในรอบนี้แล้ว และเราควรจับตามองธนาคารกลางอื่น ๆ ว่าจะปรับตัวตามแนวทางนี้เมื่อไหร่ พร้อมเสริมว่าในระบบเศรษฐกิจที่ใช้เครดิตเป็นฐาน การลดค่าเงินเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก PBOC ก่อนหน้านี้มักนำไปสู่การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น Bitcoin ตัวอย่างเช่นเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ที่ PBOC อัดฉีด 367.7 พันล้านดอลลาร์ผ่าน reverse repos และอีก 140 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2024 ซึ่งทำให้ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 100% หลังจากการประกาศดังกล่าว
ถึงแม้ว่าประเทศจีนจะมีการแบนการขุดคริปโตตั้งแต่ปี 2021 แต่ Coutts ยังคงเห็นความเชื่อมโยงระหว่างสภาพคล่องทั่วโลกกับประสิทธิภาพของ Bitcoin โดยเขาคาดการณ์ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนจะส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การก่อตัวของรูปแบบกราฟ bull flag บนกราฟของ Bitcoin ยังเป็นอีกปัจจัยบวก รูปแบบนี้เกิดขึ้น เพราะเมื่อราคามีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง มันก็มักจะเกิดการพุ่งทะลุกรอบแนวต้านเมื่อมีสัญญาณบวกใหม่ ๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือ ณ เวลาที่เขียนนี้ ราคา Bitcoin กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญของรูปแบบ Bull flag และมีโอกาสที่จะพุ่งทะลุไปสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 78,000 ดอลลาร์ หรือถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านได้ ก็อาจร่วงลงมาใกล้แนว Fibonacci retracement ที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Cointelegraph