จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า Satoshi Nakamoto อาจเคยทำการโจมตีเครือข่าย Bitcoin ด้วยวิธีการ 51% Mining Attack ในช่วงปีแรกที่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมา
ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยผ่านการวิเคราะห์บล็อกในปี 2009 ที่ขุดโดยนักขุดที่ใช้นามแฝงว่า “Patoshi” ซึ่ง Patoshi นี้เป็นชื่อเรียกของนักขุดปริศนาที่มีพฤติกรรมการขุดบล็อกที่ไม่เหมือนใคร และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ตัวเขาน่าจะใช้กำลังการประมวลผล (มากกว่า 50% ของทั้งเครือข่าย) เพื่อจัดระเบียบบล็อกเชนของ Bitcoin ใหม่ทั้งหมด
ตามที่นักเล่าประวัติศาสตร์ Bitcoin ชื่อดังอย่าง Pete Rizzo อธิบายไว้ เมื่อใดก็ตามที่ Patoshi หยุดพักการขุด และกลับมาเริ่มขุดใหม่อีกครั้ง พลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์เขานั้นยังคงมีความแรงมากพอจนสามารถ “เขียนทับ” บล็อกที่นักขุดคนอื่นขุดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ได้
การโจมตี 51% คือ การที่นักขุดคนหนึ่งมีพลังในการประมวลผล (Hash Power) มากกว่า 50% ของทั้งเครือข่าย ซึ่งทำให้พวกเขามีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงหรือเขียนบล็อกใหม่ได้ตามใจชอบ โดยสามารถลบหรือปรับเปลี่ยนข้อมูลการทำธุรกรรมได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของระบบ
Patoshi ซึ่งเป็นคำผสมระหว่าง ‘pattern’ และ ‘Satoshi’ ซึ่งเริ่มขุด Bitcoin ในปี 2009 ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากว่า Satoshi Nakamoto จะเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ ซึ่งทำให้หลายคนสรุปเอาว่า Patoshi และ Satoshi อาจเป็นคนคนเดียวกัน
การวิเคราะห์ของ Wicked Smart Bitcoin ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากงานวิจัยของ Lerner ยังชี้ให้เห็นว่า Patoshi น่าจะดำเนินการโจมตี 51% ในระหว่างปี 2009
เนื่องจาก Bitcoin เป็นบล็อกเชนแบบ (Proof-of-Work หรือ PoW) มาโดยตลอด นักขุดคนใดก็ตามที่ทำงานหนักที่สุดก็จะมีสิทธิ์สร้างรางวัลจาก Coinbase และเพิ่มธุรกรรมลงในบัญชีแยกประเภท ในช่วงที่ Patoshi หยุดขุด จึงไม่มีนักขุดคนใดทำแฮชเรตได้มากพอที่จะป้องกันไม่ให้เขากลับมาควบคุมเครือข่ายได้อีกครั้ง
การโจมตี 51% ของ Satoshi นั้น เป็นเพียงการโจมตีในชื่อเท่านั้น
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ Bitcoin ไม่มีมูลค่าเลยในปี 2009 ดังนั้นการโจมตีครั้งนี้ จึงเป็นการทดสอบเครือข่ายเท่านั้น และไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
แม้ว่าการกระทำของ Patoshi ซึ่งน่าจะเป็น Satoshi จะเข้าข่ายนิยามของ ‘การโจมตี 51%’ แต่คำนี้เป็นการอธิบายที่ไม่เหมาะสมสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจาก Bitcoin ไม่มีมูลค่าทางการเงินในเวลานั้น การกระทำนี้จึงเป็นเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยหรือเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในช่วงต้นปี 2009 ซาโตชิมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวที่ใช้เชื่อมต่อกับเครือข่าย Bitcoin ในช่วงที่บล็อกเชนถูกปรับโครงสร้างใหม่ นอกเหนือจากการวิจัยอื่น ๆ แล้ว ซาโตชิยังทดสอบการปรับค่าความยากของเครือข่าย Bitcoin โดยเปลี่ยนตั้งค่าพลังการแฮชเรตในปี 2010 อีกด้วย
การกระทำทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Bitcoin ยังฟรีอยู่ เพื่อให้ชัดเจนขึ้น นักขุดสามารถรับรางวัลจาก Coinbase ได้จากค่าไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย และ Martti Malmi ก็ได้แจกบิตคอยน์จำนวน 30,000 บิตคอยน์ผ่านเว็บไซต์ ‘faucet’ ฟรีตลอดทั้งปี 2010
แม้ว่าการโจมตี Bitcoin ด้วยอัตรา 51% อาจเป็นเรื่องจริง แต่การโจมตีดังกล่าวก็ไม่ได้สร้างผลกำไรทางการเงินในทันที จนถึงทุกวันนี้ Satoshi แทบไม่ได้ขายเหรียญใดๆ เลยจากเหรียญทั้งหมด 1.1 ล้านเหรียญที่ขุดได้ในช่วง 2 ปีแรกของการก่อตั้งสกุลเงินนี้
การกระทำเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีเจตนาร้าย แต่เป็นการตรวจสอบความสมบูรณ์และความแข็งแกร่งของระบบที่เขาได้สร้างขึ้น
ที่มา : protos