<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำไมเศรษฐีรุ่นใหม่ถึงมอง ‘คริปโต’ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ราคาจะผันผวนสูง?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สำหรับใครที่คิดอยากหรือเป็นนักลงทุนอยู่แล้ว คงจะเคยพบกับคำถามที่ว่า “คุณจะทำอย่างไร ถ้ามูลค่าสินทรัพย์ในพอร์ตของคุณร่วงลงอย่างหนัก” ซึ่งคำถามนั้นจะย้อนกลับขึ้นมาถามต่อได้อีกว่าแล้วคุณชอบสินทรัพย์มั่นคงหรือสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงมากกว่ากัน

ถ้าหากว่านักเทรดสามารถทนแรงกดดันและความผันผวนในระยะสั้นได้เพื่อที่จะสามารถทำกำไรในระยะยาว ก็จะถูกนับว่าเป็นนักลงทุนสายดุดัน (agrressive) และชอบถือของเสี่ยง ๆ เช่น หุ้น ขณะที่คนที่ไม่ชอบเสี่ยงมากและกังวลในการรักษาความมั่งคั่งจะถูกนับให้เป็นอนุรักษ์นิยม (conservative) จะชอบถือตราสารหนี้มากกว่า

ทั้งนี้ที่กล่าวไปข้างตนคือทฤษฏีที่ถูกจำกัดความขึ้นมา แต่ทว่าสินทรัพย์ประเภทคริปโตนั้นได้ฉีกกฎดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่วัยรุ่น และมหาเศรษฐี

อ้างอิงจากผลสำรวจของ Bank of America พบว่า นักลงทุนที่มีช่วงอายุระหว่าง 21-43 ปีและมีเงินทุนมากกว่า $3 ล้าน (aggressive investor) ถือครองคริปโตในพอร์ตเฉลี่ยอยู่ที่ 14%  ขณะที่ฝั่งนักลงทุนกลุ่มที่มีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม  (conservative)  ก็มีการถือครองคริปโตด้วยเช่นกัน อยู่ที่ 17% ซึ่งนี่ถือเป็นกรณีที่พิเศษมาก ๆ โดยแม้ผลที่ได้จะเป็นเช่นนี้แต่ก็ไม่น่าจะสามารถล้มล้างทฤษฏีดังกล่าวออกไปได้สักทีเดียว

Stephane Ouellette ซีอีโอของบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล FRNT ได้อธิบายว่าคำจำกัดความดังกล่าวนั้นเริ่มที่จะไม่สามารถใช้งานได้ในยุคของสินทรัพย์ดิจิทัล และที่ผลสำรวจล่าสุดออกมาเป็นเช่นนี้ Ouellette มองว่าเป็นเพราะเหล่า aggressive ได้ทำการนำเงินลงทุนเข้ามาจำนวนมากตอนขาขึ้นในวัฏจักรที่แล้ว แต่ก็๋มีคนจำนวนมากที่รีบถอนตัวออกไปตอนขาลงในปี 2022 แต่หลังจากนั้นตลาดคริปโตก็ค่อย ๆ ฟื้นกลับขึ้นมาเพราะนักลงทุนหลากหลายประเภท โดยส่วนใหญ่นั้นที่ราคามาถึงจุดนี้เป็นเพราะเหล่าสาวกที่เชื่อมั่นในตัว Bitcoin ว่าจะเป็นหนทางรอด 

หมายความว่าในปัจจุบันตลาดคริปโตอยู่ได้ด้วยเหล่าผู้มีศรัทธา และเมื่อเวลาที่ขาขึ้นได้กลับมาถึง นักลงทุนประเภท aggressive ก็จะกระโจนกลับเข้ามาส่งผลให้ราคายิ่งสูงขึ้นไปอีกเฉกเช่นวัฏจักรรอบที่แล้ว

ทั้งนี้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างคริปโตนั้น ก็มีความย้อนแย้งอยู่ และอาจไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับเหล่านักอนุรักษ์นิยม เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้น อย่างน้อยมันก็มีอะไรมารองรับ แต่คริปโตนั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย และอาศัยเพียงแค่การเก็งกำไร จากความต้องการในตลาด

Brad Klintz นักวางแผนการเงินและอาจารย์มหาวิทยาลัย Creighton กล่าวว่าการจำแนกประเภทของสไตล์การลงทุนผ่านคริปโตนั้นเป็นเรื่องย้อนแย้ง และขึ้นอยู่กับมุมมอง เพราะมองมุมหนึ่งคริปโตก็เสี่ยงเพราะเน้นการเก็งกำไร แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งจะพบว่านักลงทุนที่เข้ามาในตลาดคริปโตคือพวกที่ไม่เชื่อมั่นในระบบเก่าของรัฐบาล จึงจำเป็นต้องหาอะไรที่ “มั่นคง” กว่าเพื่อลดความเสี่ยงจากสกุลเงินดอลลาร์

สุดท้ายนี้ Mike Pelzar หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Bank of America Private Bank เปิดเผยว่า เมื่อลองเทียบคนที่ร่ำรวยกับคนที่กำลังสร้างฐานะเราจะเห็นเรื่องนี้ได้ชัด โดยคนที่พึ่งสร้างตัวนั้นการที่จะใส่คริปโตเข้ามาในพอร์ตถือเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ๆ ขณะที่คนที่ร่ำรวยอยู่แล้วหากมีคริปโตในพอร์ต เมื่อวันหนึ่งได้เกิดวิกฤตจนทำให้สินทรัพย์อื่นในพอร์ตเสียหาย คริปโตก็จะกลายมาเป็นตัวช่วยรักษาความมั่งคั่งนั้นไว้ 

ดังนั้นถ้าหากวันหนึ่งหัวใจหลักของเศรษฐกิจโลกอย่างอเมริกาพังทลายขึ้นมา คริปโตก็จะกลายเป็นช่องทางการลงทุนที่มีแต่จะยิ่งเติบโตสวนทางกับการลงทุนในรูปแบบดั้งเดิม นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่หลายคนมองคริปโตว่าปลอดภัยกว่า

ที่มา : CNBC