Michael Saylor CEO ของ MicroStrategy ออกมาปกป้องความเชื่อที่ว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่จะเป็นเจ้าของ Bitcoin จำนวนมหาศาลในอนาคต พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าเขาได้จ่ายภาษี Bitcoin ต่างจากกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนการควบคุมจากรัฐบาล
โดยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดผ่าน X และ YouTube ทาง Michael Saylor ได้ออกมากล่าวว่า เครือข่าย Bitcoin จะพัฒนาขึ้น เมื่อบริษัทและรัฐบาลเริ่มเข้ามาแทนที่ “crypto-anarchists” หรือกลุ่มคนที่สนับสนุนการใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจอิสระจากการควบคุมของรัฐบาล
และเมื่อถูกถามถึงความเสี่ยงที่รัฐบาลอาจยึด Bitcoin จากตัวกลางที่ถือครองแทนลูกค้า Saylor ตอบว่า “เมื่อ Bitcoin ถูกถือครองโดยกลุ่ม crypto-anarchists ที่ไม่ใช่หน่วยงานที่ถูกควบคุม ไม่ยอมรับรัฐบาล ไม่ยอมจ่ายภาษี หรือไม่ยอมทำตามข้อกำหนดการรายงาน นั่นจะเพิ่มความเสี่ยงให้ Bitcoin ถูกยึดมากขึ้น”
Saylor แสดงให้เห็นว่า สถาบันต่าง ๆ เช่น BlackRock หรือ MicroStrategy นั้นแตกต่างจากกลุ่ม Bitcoiners ที่เน้นการถือครองด้วยตัวเอง เพราะพวกเขาจะยื่นและจ่ายภาษีอย่างถูกต้องเสมอ
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขากลับมีความขัดแย้งกัน เนื่องจาก Saylor เองเพิ่งจ่ายเงิน 40 ล้านดอลลาร์เพื่อชำระข้อกล่าวหาหลีกเลี่ยงภาษี และอีก 8.5 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติข้อกล่าวหาฉ้อโกงทางบัญชี
นอกจากนี้ Saylor ยังหัวเราะเยาะกลุ่ม Bitcoiners ที่ยึดมั่นในแนวคิดการถือครองด้วยตัวเอง โดยกล่าวว่า 99.9% ของเงินทั้งหมดอยู่ในเศรษฐกิจดั้งเดิม พร้อมบอกว่า ความเสี่ยงในการยึด Bitcoin โดยรัฐบาลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นวนซ้ำไร้จุดหมาย และยกตัวอย่างกรณีการยึดทองคำในปี 1933 ว่าไม่มีการบังคับยึดทองคำจริง ๆ
ซึ่งหลังสัมภาษณ์จบลง ชุมชน Bitcoin ก็ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ หลายคนเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ในโซเชียลมีเดียเป็น “paranoid crypto-anarchist” เพื่อประชด Saylor บางคนบอกว่า “เชื่อใจ Saylor ไม่ได้อีกแล้ว” ในขณะที่คนอื่นๆ คาดการณ์ถึงความเสี่ยงของ Saylor หากเกิดการแยกตัวของเครือข่าย Bitcoin ในอนาคต
ที่มา: Protos