ชุมชนของแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมทางการเงินแบบ decentralized (DeFi) อย่าง Sky กำลังพิจารณาที่จะกลับไปใช้ชื่อแบรนด์ดั้งเดิมอย่าง Maker หลังจากเกิดความสับสนและได้รับกระแสตอบรับในเชิงลบ เกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม Rune Christensen ผู้ร่วมก่อตั้งของ Sky ได้เสนอในฟอรัมการกำกับดูแลของแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างการอภิปรายเกี่ยวกับการ “กลับมาให้ความสำคัญกับแบรนด์ Maker” อีกครั้ง
เขาได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จ ในการเปิดตัว USDS ซึ่งเป็น stablecoin แบบ decentralized รวมถึงการเปิดตัวโปรโตคอล Sky ตั้งแต่ที่มีการเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก Maker ไปเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดความสับสนขึ้นในชุมชนเกี่ยวกับบทบาทของโทเค็น Sky และแบรนด์ Maker รวมถึงยังมีข้อเสนอแนะที่ชี้ให้เห็นถึงความชื่นชอบแบรนด์ Maker มากกว่า Sky
Rune Christensen กล่าวว่า “ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าชุมชน DeFi รักและไว้วางใจแบรนด์ Maker มากเพียงใด มีผู้คนจำนวนมากที่ให้ความสนใจแบรนด์นี้ และสิ่งที่แบรนด์นี้ยึดมั่น ไม่ว่าจะเป็นความเสถียร ความปลอดภัย และขนาดของ DeFi นอกจากนี้ ยังมีความมุ่งมั่นอย่างมาก ในการถือครองโทเค็น MKR แทนที่จะอัปเกรดไปเป็น SKY”
เพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลเหล่านี้ Rune Christensen จึงได้เสนอแนวทางที่เป็นไปได้ 3 ประการ ได้แก่ การดำเนินการต่อด้วย Sky ในฐานะแบรนด์หลัก เพื่อใช้ประโยชน์จากแรงผลักดันที่เกิดขึ้นล่าสุด, กลับมาให้ความสำคัญกับแบรนด์ Maker พร้อมกับคืนสถานะให้ MKR เป็นโทเค็นการกำกับดูแลเพียงตัวเดียว และสุดท้ายปรับปรุงแบรนด์ Make ให้มีเอกลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับ USDS
ข้อเสนอการเปลี่ยนแบรนด์ของ Sky แหล่งที่มา: governance forum ของ Sky
ขั้นตอนต่อไป ได้แก่ การรวบรวมข้อเสนอแนะ สำหรับการประชุมภายในชุมชน ในวันที่ 25 ตุลาคม และการจัดการ สำรวจ ความคิดเห็นสำหรับการโหวตคะแนนเสียง ในการกำกับดูแล ในวันที่ 4 พฤศจิกายน เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของแบรนด์ Maker และโทเค็นโนมิกส์
โทเค็นการกำกับดูแลเดิมของแพลตฟอร์ม MKR ราคาร่วงลง 45% นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแบรนด์ แม้จะมีการปรับสัดส่วนใหม่จาก 1 MKR เท่ากับ 24,000 SKY โทเค็น ก็ตาม
ในขณะที่รายงาน ราคา MKR กำลังซื้อขายอยู่ที่ 1,171.00 ดอลลาร์ ลดลง 4.13% ภายใน 24 ชั่วโมง อ้างอิงข้อมูลจาก coinmarketcap ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2023
- ที่มา : cointelegraph
- ที่มาภาพ : cryptotimes