ในประวัติศาสตร์ของรอบตลาด Bitcoin มักจะเชื่อมโยงกับ M2 money supply และการขยายตัวของสภาพคล่องเสมอ และเมื่อเร็วๆ นี้นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Michaël van de Poppe ก็ได้กล่าวถึงข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างจุดสูงสุดของรอบตลาดและการขยายตัวของปริมาณเงิน
โดย M2 money supply คือการวัดปริมาณเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ ซึ่งรวมถึง M1 money (เงินสดและเงินฝาก) และเงินที่มีสภาพคล่องน้อยกว่านี้ ปัจจุบัน M2 กำลังเติบโตในอัตรา 2.59% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ 2.44% นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปีนี้ ปริมาณ M2 ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 21.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐตามรายงานของ St. Louis Fed

ซึ่ง Michaël van de Poppe ได้ชี้ว่า นับตั้งแต่ปี 2017 M2 money supply ได้ขยายตัวอย่างมาก ซึ่งทำให้รอบตลาดยาวนานจนถึงสิ้นปี และราคาของ Bitcoin ได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 20,000 ดอลลาร์
ในขณะที่ช่วงตลาดกระทิงในปี 2021 ปริมาณเงิน M2 เองก็พุ่งสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนของปีนั้น อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณเงินจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องในปี 2022 แต่ตลาดคริปโตกลับถูกกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการล่มสลายของบริษัทคริปโตหลายแห่ง
และในตลาดรอบนี้ Poppe คาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดจะยืดเยื้อออกไปหาก M2 money supply ยังคงขยายตัวต่อไปอีกประมาณหนึ่งปีครึ่ง
“หาก M2 supply ขยายไปจนถึงกลางปี 2026 การขยายตัวของสภาพคล่องน่าจะทำให้รอบตลาดยาวนานขึ้น”
ในขณะเดียวกัน Charlie Bilello นักวางกลยุทธ์ตลาดให้ความเห็นเกี่ยวกับการเติบโตของปริมาณเงินว่า หลังจากหยุดพักไปชั่วคราว ตอนนี้การพิมพ์เงินกลับมาอีกครั้ง ซึ่ง Quinten Francois ผู้ร่วมก่อตั้ง WeRate ก็ได้สนับสนุนแนวคิดนี้ พร้อมกับแชร์กราฟการเติบโตของ M2 และชี้ว่าคลื่นสึนามิของเงินพิมพ์กำลังมาและจะผลักดัน BTC ให้ไปสู่หลัก 6 หลัก
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ Reflexivity Research ยังชี้ว่า Bitcoin อาจกำลังสร้างฐานใหม่เพื่อเคลื่อนไปข้างหน้า และ Daan Crypto Trades ได้บอกกับผู้ติดตามบน X ว่าเขาไม่คิดว่าจะมีจุดสูงสุดใหม่ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: CryptoPotato