<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เทียบกันชัด ๆ ! เงิน 1 ล้านลงทุนใน ‘สลากออมทรัพย์-Bitcoin’ ผลตอบแทนจะต่างกันเท่าไร ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลายคนคงเคยได้ยินใครต่อใครพูดกันมาบ้างแล้วว่าลงทุนใน Bitcoin นั้นให้ผลตอบแทนงอกเงยมหาศาล คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย แต่จำนวนเงินเหล่านั้นที่ได้มาจะคุ้มค่าที่จะเสี่ยงกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทคริปโตหรือไม่ เมื่อเทียบกับการลงทุนที่มีความปลอดภัยกว่าอย่างสลากออมทรัพย์  ในบทความนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2565 หนุ่มรายหนึ่งได้เขียนรีวิวการลงทุนของตนลงในกระทู้ Pantip โดยเขาได้ลงทุนซื้อสลาก ธ.ก.ส. เป็นระยะเวลา 3 ปี ด้วยเงินทุนจำนวน 1 ล้านบาท ในช่วงเวลาการลงทุนนี้ เขามีโชคและถูกรางวัลหลายครั้ง ทำให้ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 47,640 บาท เมื่อรวมกับดอกเบี้ยแล้ว จำนวนเงินที่เขาจะได้รับเมื่อครบกำหนดถอนคือประมาณ 1,089,251 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 8.9%

เมื่อทำการเปรียบเทียบกันชัด ๆ จะเห็นได้ว่า หากเราอ้างอิงนับตั้งแต่วันที่เขาซื้อสลากธกส.และเก็บออมไว้ตลอด 3 ปี เทียบกับการซื้อ Bitcoin ในช่วงเวลาเดียวกัน จะเห็นความแตกต่างอย่างมาก ซึ่งหากเขาลงทุนใน Bitcoin ที่ราคาประมาณ $10,817 ต่อ 1 BTC เขาจะได้รับ Bitcoin ประมาณ 2.8 BTC และเมื่อครบ 3 ปี หากขายออกไปเมื่อราคาขึ้นถึง $20,108.31 จะได้รายได้สุทธิอยู่ที่ประมาณ 1.85 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 85% จากเงินต้น

และเมื่อคำนวนราคา Bitcoin จากเวลาที่เขียนบทความย้อนหลังกลับ 3 ปีที่แล้ว เงินจำนวน 1 ล้านบาทจะสามารถซื้อ Bitcoin ได้ 0.52 BTC ที่ราคาเฉลี่ย $63,039 และหากขายออกไปในวันนี้ที่ราคา $67,389 จะทำให้ได้เงินคืนมาที่ 1,182,562 คิดเป็นกำไร 1.8 แสนบาท (18%) ซึ่งก็ยังเป็นตัวเลขผลตอบแทนที่สูงกว่าฝากสลากออมทรัพย์อยู่ดี

อย่างไรก็ตามข้อดีของการลงทุนในสลากออมทรัพย์นั้นถือมีความเสี่ยงจากที่น้อยกว่ามาก และถ้าหากโชคเข้าข้างก็อาจสามารถถูกรางวัลใหญ่ระดับหลักสิบล้านขึ้นไปได้ และจะทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับเหนือกว่า Bitcoin หลายเท่าตัว ทำให้มันก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนที่ไม่อยากจะเสี่ยงสูญเสียเงินต้น

ต่างจาก Bitcoin ซึ่งแม้จะให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความผันผวนมาก หากขายในช่วงขาขึ้นยังคงสามารถทำกำไรได้สูงถึง 85% เมื่อเข้าซื้อในจังหวะที่เหมาะสม แต่หากซื้อตอนตลาดอยู่ในช่วงราคาสูง ผลตอบแทนจะลดลง อาจทำกำไรได้เพียง 18% เท่านั้น

ดังนั้นเรื่องของการลงทุนจึงไม่มีผิดมีถูก และแต่ละรูปแบบการลงทุนก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งในจุดนี้นักลงทุนก็ต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าการลงทุนรูปแบบใดเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

ที่มา : Pantip