เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม Ripple Labs ได้ยื่นเอกสาร “Form C” ต่อศาลอุทธรณ์เขตที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา เพื่อโต้แย้งคำตัดสินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) หลังจากที่กล่าวหาว่าการขาย XRP แก่นักลงทุนสถาบันเป็นการทำธุรกรรมที่เข้าข่ายหลักทรัพย์
Stuart Alderoty หัวหน้าทีมกฎหมายของ Ripple ยืนยันการยื่นเอกสารดังกล่าวในโพสต์บน X พร้อมระบุว่า “SEC ไม่สามารถยื่นหลักฐานใหม่หรือขอให้ Ripple ส่งเอกสารเพิ่มเติมได้”
การยื่นอุทธรณ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากคำตัดสินในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาโดยศาลแขวงสหรัฐในเขต Southern District of New York ได้ตัดสินให้ Ripple ต้องจ่ายค่าปรับ 125 ล้านดอลลาร์จากการขาย XRP แก่นักลงทุนสถาบัน โดยระบุว่าธุรกรรมดังกล่าวถือเป็นการทำธุรกรรมหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม Ripple ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้และได้ยื่นขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีใหม่ในประเด็นว่า XRP ถือเป็นหลักทรัพย์หรือไม่เมื่อขายให้กับนักลงทุนสถาบันที่ได้รับการรับรอง
ใจความสำคัญของการอุทธรณ์คือการโต้แย้งการใช้ “Howey test” ซึ่งเป็นเกณฑ์ทางกฎหมายที่ใช้ตรวจสอบว่าแต่ละธุรกรรมเข้าข่ายสัญญาการลงทุนหรือไม่ โดย Ripple ต้องการให้ศาลพิจารณาใหม่ (de novo review) เพื่อไม่ให้ยึดติดกับคำตัดสินเดิมของศาลชั้นต้น
ซึ่ง Alderoty ได้แสดงความมั่นใจในโพสต์ของเขาว่า การดำเนินการของ SEC เป็นการสร้าง “ความสับสนและเป็นอุปสรรคต่อ Ripple และเป็นการเน้นย้ำว่าอุตสาหกรรมคริปโตเป็นเพียง ‘เสียงรบกวน’ เท่านั้น”
การอุทธรณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ SEC ยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 16 ตุลาคม โดย SEC ขอให้ศาลพิจารณาคำตัดสินบางส่วนที่เข้าข้าง Ripple เกี่ยวกับการใช้กฎหมายหลักทรัพย์ในกรณีของการขายแก่นักลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ คำตัดสินบางส่วนจากผู้พิพากษา Analisa Torres เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 ระบุว่า XRP ไม่เข้าข่ายหลักทรัพย์หากขายในลักษณะการโปรแกรมบนตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นชัยชนะบางส่วนของ Ripple ที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต
ที่มา: Cointelegraph