<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำความรู้จัก ‘Grass Network (Grass)’ โปรเจกต์สุดล้ำที่นำความเร็วเน็ตของผู้ใช้มาแลกเป็นรางวัล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลายคนคงอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับโมเดลการแบ่งปันทรัพยากรคอมพิวเตอร์ เช่นพลังของการ์ดจอในกรณีของ (RNDR) แต่ทราบหรือไม่ว่ามีโปรเจกต์หนึ่งผุดไอเดียสุดเจ๋งออกมา ที่จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถแชร์แบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ตเหลือใช้เพื่อนำมาแลกเป็นรางวัลได้

Grass Network (GRASS) คืออะไร?

Grass เป็นแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถนำแบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ตที่ไม่ได้ใช้งาน มาแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นรางวัลได้ โดยที่ทรัพยากรดังกล่าวจะถูกนำไปมอบให้กับผู้ที่มีความต้องการใช้งาน และนำแบนด์วิดท์ไปใช้ฝึกฝนโมเดล AI ที่มีความโปรงใสมากยิ่งขึ้น โดยผู้ที่เข้าร่วมโปรเจกต์จะได้รับรางวัลเป็นทั้งแต้ม , แอร์ดรอป หรือโทเค็น GRASS 

ทั้งนี้ทางเครือข่ายมุ่งเน้นให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับความปลอดภัย และความโปร่งใสของเครือข่าย จึงทำให้มันเป็นโปรเจกต์ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยผู้ใช้ ไม่ใช่บริษัทใหญ่

Grass Network ทำงานอย่างไร?

การทำงานของ Grass จะเป็นการจัดเก็บ รวบรวมและประมวลผลข้อมูลเว็บสาธารณะ โดยเมื่อเรียกใช้งานแอป Grass ในเครื่อง อุปกรณ์ของผู้ใช้ก็จะทำหน้าที่เป็นโหนด ซึ่งมันจะนำแบนด์วิดท์ที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อเก็บข้อมูลเว็บ ซึ่งเครือข่ายจะทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่รวบรวมมานั้นไม่มีการระบุตัวตนและจัดโครงสร้างข้อมูลใหม่เพื่อใช้ในการฝึกอบรมโมเดล AI พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ Grass จะทำการดูดความเร็วอินเทอร์เน็ตออกจากเครื่องของเรา เพื่อแลกกับรางวัล

ส่วนทางด้านเครือข่ายนั้นจะเป็น Layer 2 ที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนของ Solana ที่มีความโดดเด่นด้านความเร็ว และการขยายขนาด มากไปกว่านั้น Grass ยังได้มีการนำเทคโนโลยี zero-knowledge เข้ามาใช้งานเพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่นำเข้ามานั้นจะไม่เป็นพิษกับ AI ที่ฝึกฝน 

ทั้งนี้ในเรื่องของความปลอดภัย Grass ระบุไว้ว่าจะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่าน หรือประวัติการเข้าชม อีกทั้งทางแพลตฟอร์มยังได้มีการร่วมมือกับบริษัทออดิทให้มีการหมั่นตรวจสอบ รวมไปถึงมีการแจ้งเตือนถึงภัยของ Scammer อีกด้วย

โดนดูดเน็ตจะเป็นอะไรหรือเปล่า ?

ตามคำอธิบายของทางโปรเจกต์ แพลตฟอร์มจะนำความเร็วเน็ตส่วนเกินที่เราไม่ได้ใช้ออกไปเท่านั้น หมายความว่าการเล่นเน็ตอาจจะอืดไปบ้าง แต่จะไม่ได้รับผลกระทบอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ 

มากไปกว่านั้น Grass ยังได้เปิดเผยว่าตามปกติแล้วบริษัทใหญ่ ๆ ที่ทำเกี่ยวกับ แอป,อุปกรณ์ Hi-Tech , smart TV  ก็มีจัดเก็บข้อมูลและนำแบนด์วิดท์ของผู้ใช้งานไปใช้อยู่แล้วตามปกติ ซึ่งพวกเขาไม่มีความผิดเนื่องจาก ผู้ใช้ได้ทำข้อตกลงยอมรับไปแล้ว ซึ่งทาง Grass เล็งเห็นถึงจุดนี้และนำผลประโยชน์กลับคืนมาสู่ผู้ใช้แทนที่จะเสียไปฟรี ๆ

เข้าร่วมได้อย่างไร?

หากสนใจที่จะเข้าร่วมกับทางเครือข่ายสามารถทำได้โดยการไปที่เว็บไซต์ของโปรเจกต์จากนั้นก็ทำการดาว์นโหลดแอป หรือส่วนขยาย และทำการติดตั้งในที่ ๆ ต้องการ จากนั้นสร้างบัญชีผู้ใช้งานใหม่ด้วยอีเมล และเริ่มต้นการใช้งานได้เลยผ่านการกดปุ่มในแอปเพื่อแบ่งปันแบนด์วิดท์ และเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นโหนด ซึ่งผู้ใช้งานสามารถติดตามผลการทำงานและรางวัลได้ว่าไปถึงไหนแล้วภายในแอป

ทั้งนี้ผู้ใช้งานจำเป็นต้องกรอก Referral code ก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้ซึ่งรหัสดังกล่าวสามารถทำการค้นหาได้ด้วยตนเองหรือคลิกที่ลิงก์นี้

ระบบรางวัล

ทางด้านของรางวัล ผู้ใช้งานจะได้รับแต้มมาเก็บสะสมจากการเปิดแอปทิ้งไว้นาน ๆ รวมไปถึงเชิญชวนเพื่อนให้เข้ามาใช้งาน และทำกิจกรรม ซึ่งแอปจะถูกรันอยู่เบื้องหลังโดยอัตโนมัติ  และผู้ใช้สามารถนำแต้มไปแลกรางวัลต่าง ๆ ได้

Tokenomics

การกระจายสัดส่วนของเหรียญประกอบไปด้วย

  • ชุมชน Community 30% โดยส่วนนี้จะเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ใช้ 
  • นักลงทุน 25.2% ซึ่งเป็นการมอบให้กับนักลงทุนรุ่นบุกเบิกเพื่อนำเงินมาพัฒาและเป็นสภาพคล่อง 
  • ผู้มีส่วนร่วม (Contributor) 22% สำหรับผู้ที่มีส่วนในการสร้างระบบนิเวศ
  • Foundation & Ecosystem Growth 22.8% เพื่อเป็นเงินสนับสนุนในระยะยาวและสร้างพันธมิตร 
  • รางวัลในอนาคต Future Incentives 17% เพื่อดึงดูผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง 
  • Airdrop ครั้งแรก 10%
  • ส่วนแบ่งของผู้ดูแล Router 3% ที่ทำหน้าที่สร้างความมั่นคงให้กับเครือข่าย

ประโยชน์การใช้งานของโทเค็น GRASS

ตัวโทเค็นประจำเครือข่ายอย่าง GRASS เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของเครือข่าย โดยมันจะถูกใช้ในการบริหารเครือข่าย , staking และการทำธุรกรรมในเครือข่าย ซึ่งผู้ที่ถือครองโทเค็นสามารถเข้าถึงสิทธิเหล่านี้ได้ทั้งหมด

สรุป

Grass Network ถือเป็นอีกโปรเจกต์หนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเราสามารถนำสิ่งที่มีกับตัวอยู่แล้ว และไม่เห็นคุณค่าของมันให้สามารถแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นรายได้เพิ่มเติมได้ และด้วยความปลอดภัยที่เครือข่ายให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งทำให้มันกลายเป็นโปรเจกต์ที่มีอนาคตน่าจะสดใสต่อจากนี้ไป